รู้จักตัวตนของ “น้องนาน่า-เหม่เหม” จอมแสบสันต์จากนิเทศจุฬาฯ

 รู้จักตัวตนของน้องนาน่า-
สาวใสวัย 17ปี ผู้แจ้งเกิดจากซีรี่ย์เรื่องแรก “เลือดข้นคนจาง” ในบทบาท “เหม่เหม” กับความแสบสันต์ที่ทำเอาผู้ชมช็อคไปทั้งประเทศ วันนี้เราพาท่านมารู้จักตัวตนของ “น้องนาน่า” หรือ ศวรรยา ไพศาลพยัคฆ์ นิสิตปี 1 จากหลักสูตรนานาชาติ คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

พูดถึงตัวละคร “เหม่เหม” 
ต้องบอกก่อนว่านักแสดงใหม่ทุกคน ดังนั้นบทจะถูกเขียนมาจากตัวตนของเขาอยู่แล้ว นิสัยของหนูมีความคล้ายเหม่เหมระดับหนึ่ง ทั้งในการช่วยพ่อ รักพ่อและก็เหมือนเขา ห้าวนิดนึงด้วย การปีนรั้วเป็นอะไรที่ปกติมากๆเพราะเหม่เหมโตมากับพี่ชาย 9 คนและมีความคิดแบบไม่ค่อยผู้หญิงเท่าไหร่

รู้จักตัวตนของน้องนาน่า-

ฉากไหนท้าทายมากที่สุด
อย่างซีนที่ตัวละครเหม่เหมต้องโกหกว่าโดนข่มขืน มันเป็นซีนที่ยากและไกลตัวมาก หนูเองจินตนาการไม่ออก  แต่พยายามลองคิดว่า ถ้าพ่อแม่เรารู้ว่าเราโดนอย่างนี้ พวกเขาจะคิดยังไง  พอดีหนูได้แผลจากฉากก่อนหน้านี้ ครูเขาเลยเปรียบเทียบว่า ‘เนี่ยแผลเจ็บแค่นี้ แต่ว่าเหม่เหมจะต้องเจ็บมากกว่านี้’ ก็เลยเอาความเจ็บมารวมกันค่ะ ซีนนั้นหนูร้องไห้ไปจนตาแห้ง

คิดอย่างไรก็เสียงวิจารณ์ตัวละคร “เหม่เหม”
ตัวละครทุกตัวในเรื่องอย่างอี้หรือพีท ทุกคนต่างรักพ่อแม่ของตัวเองและก็พยายามจะหาหลักฐานมายืนยันความบริสุทธิ์ว่าพ่อแม่ของตัวเองไม่ผิดหรือคอยช่วยเหลือตลอด เหม่เหมก็เหมือนกัน คนดูเห็นว่าเหม่เหมทำไปทุกอย่างเพราะทั้งชีวิตมีแค่พ่อคนเดียวจริงๆ โดยไม่คิดถึงความถูกผิด ในเวลานั้น แต่ก็จะทำเพื่อให้เขาได้อยู่กับพ่อเขาต่อไปชีวิต เขาก็น่าสงสารนะ

รู้จักตัวตนของน้องนาน่า-

เสียงตอบรับเป็นอย่างไร
หนูดูยูทูปกับไลน์ทีวีว่าฟีดแบคยังไงบ้างเกี่ยวกับผลงานที่เราแสดง สนใจที่กระแสเป็นอย่างไร ทั้งกระแสต่อตัวละครและกระแสของตัวเรา กระแสมีทั้งด้านดีและข้อติที่ผู้ชมติมาที่เรานำไปพัฒนาต่อได้

หนูเข้าใจทั้งตัวเหม่เหมและคนดูนะ ดีใจมากที่กระแสมันดีแล้วคนดูมาออกความคิดเห็นเกี่ยวกับตัวละครเยอะขนาดนี้ มีคนที่เข้าใจและคนที่คิดต่าง แต่ถ้าได้ดูตลอดจนจบแล้ว อาจจะเปลี่ยนความคิดก็ได้

แล้วตัวจริงของนาน่าเป็นอย่างไร
เป็นคนสดใส ขี้เล่น ชอบเล่นเวลาอยู่ในกองจะชอบไปแกล้งคนโน้นคนนี้ ถ้าอยู่คนเดียวแล้วเบื่อแต่จะเป็นคนอ่อนไหวนิดๆค่ะ

รู้จักตัวตนของน้องนาน่า-

มองชีวิตในรั้วจุฬาอย่างไร
ตอนนี้ได้เปลี่ยนมาเป็นเด็กมหาวิทยาลัยเต็มตัวแล้ว ทุกคนมีอิสระมากขึ้น อาจเป็นเพราะอยู่คณะนิเทศฯ ทุกคนดูมั่นใจและก็กล้าที่จะแสดงออกมาก รุ่นพี่ดูแลพวกเราดีมากๆ แล้วหนูก็ได้เรียนรู้กิจกรรมสันทนาการ ทำให้ทุกคนมาอยู่ร่วมกันเป็นคณะเดียวกัน ส่วนใหญ่คนที่หนูรู้จักในวงการบันเทิงก็มาจากนิเทศฯ จุฬาฯ เป็นความประทับใจค่ะ

แบ่งเวลาเรียนอย่างไร
ช่วงที่ถ่ายโซเชียลซินโดรมเป็นซีรี่ย์ที่สอง เป็นช่วงที่สอบมิดเทอมพอดี ซึ่งหนูใช้วิธีตั้งใจเรียนในห้อง พยายามฟังที่อาจารย์สอนแล้วก็ถ่ายรูปไว้ ถ้าไม่เข้าใจก็จะถามอาจารย์จนกว่าจะเข้าใจ คือด้วยความที่เราไม่มีเวลาทบทวนมากเท่าไหร่นักเลยจะต้องเข้าใจเนื้อหาไว้ก่อน และพยายามไม่ให้เวลาเรียนกับเวลาทำงานตรงกัน ถ้างานไหนสำคัญก็จะลา แล้วมาดูโน้ตเพื่อน ไม่ก็ขอสไลด์จากอาจารย์ แต่จะพยายามไม่ลาบ่อยเพราะเนื้อหาที่เรียนค่อนข้างเยอะ

มีกิจกรรมยามว่างอะไร
ตอนที่อยู่โรงเรียนนานาชาติ หนูเล่นกีฬาเยอะมาก เกือบทุกอย่าง แต่ว่าไม่คล่อง จะถนัดวิ่งกับว่ายน้ำมากกว่า ตอนนี้ก็เล่นของนิเทศฯเฟรชชี่เกม เล่นฟุตซอล แล้วก็บาสเกตบอล ตอนงานรับน้องสนุกมากๆ รุ่นพี่เต็มที่กับการรับน้อง พี่เขาตื่นเต้นกับการต้อนรับพวกเราเข้ามาใหม่ เขาให้ความตั้งใจกับกิจกรรมมากๆ

มองอนาคตข้างหน้าของเราไว้อย่างไร
หนูอยากพัฒนาด้านการแสดงของตัวเองค่ะ เพราะเป็นอะไรที่เราชื่นชอบ ทำได้ดีและสามารถต่อยอดได้ อยากพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ ลองหลายๆบทบาท ลองหลายอย่างที่อาจไม่ใช่การแสดง อย่างร้องเพลง และก็อยากลองเล่นหุ้น และอยากเรียนต่อด้านธุรกิจที่อเมริกาค่ะ

………………………
ที่มา: ศูนย์สื่อสารองค์กร จุฬาฯ
นิธิกานต์  ปภรภัฒ  ผู้ส่งข่าว