11 ปีที่รับใช้ชาติ “ก้อย” ลมกรดสาวไทย สู้ซีเกมส์ครั้งที่ 30 ก่อนอำลาลู่

          “ตอนนี้อายุ 30 ปี แล้ว ซึ่งถือว่าเป็นนักกีฬากรีฑาที่อายุเยอะที่สุดทีมชาติไทยชุดนี้ ในการแข่งขันซีเกมส์ครั้งนี้ จะคว้าเหรียญทองมาฝากคนไทย เพราะเป็นรายการแข่งขันครั้งสุดท้ายของตนเอง” น้องก้อย จ่าอากาศโทหญิงทัศพร วรรณกิจ ลมกรดสาวไทยผลัด 4×100 เล่าให้กับทีมงานฟัง บนลู่วิ่ง 11 ปี ก่อนปิดฉากอำลานักกีฬากรีฑาทีมชาติไทย

          ทัศพร เล่าว่า พื้นเพเป็นคนอำเภอลำปายมาศ จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นบุตรคนที่ 2 พ่อและแม่ประกอบอาชีพเกษตรกรทำนา ทำสวน โดยตอนเด็ก ๆ ไม่เคยคิดและมีความฝันการเป็นนักกีฬาทีมชาติไทย เป็นเหมือนเด็กทั่วไปที่ชอบเล่นกีฬา หลังจากเรียนจบชั้นประถมจาก โรงเรียนบ้านเมืองแฝก พ่อได้พามาสมัครที่โรงเรียนกีฬาอุบลราชธานี ซึ่งพ่อผลักดันให้เรียนโรงเรียนกีฬา โดยมีความคาดหวังอยากให้ลูกได้เป็นนักกีฬา ตอนนั้นตนเองไม่ได้คาดหวังอะไร พ่อให้เรียน เรียนตามที่พ่อชอบ พ่อเลือกกีฬาวิ่ง ตอนที่เข้าเรียนใหม่ ๆ บอกตามตรงว่าไม่ได้ชอบวิ่ง แต่เมื่อได้เรียนได้ซ้อม เข้ามาอยู่ในศูนย์ฝึกที่โรงเรียน ได้อยู่กับวิ่งทุกวัน รู้สึกสนุกและชอบ

เริ่มเข้าแข่งขันตามรายการต่าง ๆ ได้รางวัลบ้างไม่ได้รับรางวัลบ้าง จนเมื่ออายุ 15 ปี จำได้ว่าตอนนั่นเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 3 ภูมิใจมาก ติดนักกีฬากรีฑาเยาวชนทีมชาติไทย ซึ่งถือเป็นบันไดขั้นที่ 1 ในการก้าวสู่ขั้นอื่นต่อไป “ทำให้ตนเองมุ่งมั่นในกีฬาประเภทนี้ มั่นฝึกซ้อม”

          ในที่สุดสิ่งที่ตนเองมุ่งมั่นและตั้งใจ อายุ 19 ปี มีรายชื่อติดทีมวิ่งผลัด 4×100 เมตร หญิง ทีมชาติไทยชุดการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ครั้งที่ 16 จัดขึ้นที่นครกว่างโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งครั้งนั้นทีมวิ่งผลัดหญิง 4×100 เมตร คว้าเหรียญทอง ชนะเจ้าภาพ ซึ่งตอนนั้นตนเองเป็นตัวสำรองไม่ได้ลงแข่งขัน แต่ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นและความภูมิใจของเด็กต่างจังหวัดคนหนึ่ง ที่ได้มุ่งมั่นและชนะใจตนเองเข้ามาเป็นนักกีฬากรีฑาทีมชาติไทยรับใช้ชาติ สำหรับผลงานที่ผ่านมา เหรียญทองวิ่ง 100 เมตร หญิง และเหรียญทองทีมวิ่งผลัด 4×100 เมตร หญิง การแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 27 ประเทศพม่า เหรียญเงินวิ่ง 100 เมตร หญิง และเหรียญทองทีมวิ่งผลัด 4×100 เมตร หญิง การแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 28 ประเทศสิงคโปร์ เหรียญเงินทีมวิ่งผลัด 4×100 เมตร หญิง การแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 29 ประเทศมาเลเซีย

          กว่า 11 ปี ที่รับใช้ชาติ มันคือ ความสุข ความผูกพัน กว่าจะมาอยู่ถึงจุดนี้ บอกได้เลยว่ารัก รักในสิ่งที่ทำตรงนี้ “ต้องท่องเสมอว่าทำได้ ถ้าทำได้ถือว่าได้ไปต่อ สู้ไหวต้องไปต่อ” กีฬาวิ่งเป็นกีฬาที่เหนื่อย ต้องแบ่งเวลาในการซ้อม ซ้อมหนัก ด้วยอายุที่มากทำให้มีอุปสรรคหลายอย่าง การรักษาการฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ ต้องใช้เวลา ซึ่งเป็นสิ่งนี้บั่นทอนจิตใจตนเอง หรือบางครั้งส่งผลต่อทีม แต่อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญคือตัวเราเอง ต้องควบคุมมีสติ สมาธิ “แข่งกับเวลา แข่งกับตนเอง” ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั้น “กีฬาวิ่ง อดทน ถ้าไม่มีความพยายามพอ เมื่อได้ที่ท้อ ทุกอย่างจะไม่สำเร็จ” ต้องสู้กับตนเอง มีวินัยในการฝึกซ้อม “พรสวรรค์ต้องมาพร้อมพรแสวง”

          อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้การรับใช้ชาติ คือ การศึกษา สิ่งที่สามารถนำมาต่อยอด และพัฒนาตนเอง หลังจากสำเร็จการศึกษาจากสาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ในพระบรมราชูปถัมภ์ ปริญญาโท สาขารัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต และปัจจุบันกำลังศึกษาต่อในระดับปริญญาโท สาขาเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ธัญบุรี ขอบคุณทางมหาวิทยาลัยที่ให้โอกาสตนเองเข้ามาศึกษาใน มทร.ธัญบุรี ความรู้ที่ได้จากการเรียนสามารถนำไปต่อยอดในการทำงาน ที่เรียนทางด้านนี้ อยากนำไปปรับใช้ในการทำงาน ซึ่งปัจจุบันรับราชการ ฝ่ายพลาธิการ กองบริการกรมสวัสดิการทหารอากาศ

          “ตอนนี้กำลังเก็บตัวเพื่อเข้าแข่งขันทีมวิ่งผลัด 4×100 เมตร และทีมวิ่งผลัดมิกซ์ 4×100 เมตร การแข่งขันกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 30 ประเทศฟิลิปปินส์ คาดหวังโดยจะคว้าเหรียญทองมาให้กับคนไทยให้ได้ เป็นการปิดฉากและอำลาลู่ของตนเอง แต่อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะไม่ได้อยู่ในฐานะของนักกีฬา จะช่วยสอนและพัฒนารุ่นน้องใหม่ ๆ ที่เข้ามารับใช้ชาติ” จ่าอากาศโทหญิงทัศพร กล่าวทิ้งท้าย

……………

ชลธิชา ศรีอุบล กองประชาสัมพันธ์ มทร.ธัญบุรี…บทความ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *