“ครูคู่คิด…เป็นมิตรมีสไตล์ ปั้นศิษย์สู่นักจัดการเกษตรมืออาชีพ”

ทุกก้าวสำคัญของแวดวงการศึกษาไทย เบื้องหลังความสำเร็จของเยาวชนของชาติ ล้วนถูกหล่อหลอมด้วยสถาบันการศึกษา และผู้ปฏิบัติหน้าที่สำคัญในการรับบทบาทนี้คือ คุณครู อาจารย์ ที่อยู่เบื้องหลังในการถ่ายทอดความรู้ ความคิด รวมถึงคุณธรรมจริยธรรม ดูแลศิษย์จากรุ่นสู่รุ่น มุ่งขับเคลื่อนความสำเร็จให้ศิษย์เหล่านั้น      พีไอเอ็ม เผยตัวอย่างอาจารย์สาวแกร่ง ผู้มีสไตล์การสอนเหมือนเพื่อนคู่คิดกับศิษย์ ผู้มีความตั้งใจแน่วแน่เพื่อพัฒนาศิษย์สู่มืออาชีพด้านเกษตรและอาหาร…จากพื้นฐานฐานะครอบครัวระดับกลาง  ผสมกับความคาดหวังจากสังคมรอบตัวในวัยเด็ก เป็นปัจจัยกระตุ้นสำคัญให้เด็กหญิงมลฤดี ต้องตั้งใจเพิ่มมากขึ้นกับการเรียนและบอกกับตัวเองว่า ต้องเอาดีให้ได้ จนจบเกียรตินิยมด้วยความคิดที่บอกตัวเองเสมอว่า “หากตั้งใจจริง ก็ไม่มีอะไรที่เกินความสามารถและทำไม่ได้”

นี่คือคำกล่าวจากผศ.ดร.มลฤดี จันทร์รัตน์ อาจารย์ประจำและผู้อำนวยการศูนย์ให้คำปรึกษาและพัฒนาอาชีพ (Counseling and Career Developtment for Student Center) สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ (PIM) คณะนวัตกรรมการจัดการเกษตร บอกเล่าถึงความตั้งใจอันดับแรก ก่อนตัดสินใจเดินหน้าก้าวสู่วงการการศึกษาอย่างเต็มตัว รวมถึงคำแนะนำในการดูแลเด็กยุคปัจจุบัน ท่ามกลางโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทั้งนวัตกรรมและเทคโนโลยี

จากปริญญาตรี คณะเทคโนโลยีและการจัดการ (สาขาการจัดการสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม) ม.สงขลานครินทร์, ปริญญาโท วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาเศรษฐศาสตร์เกษตรและทรัพยากร ม.เกษตรศาสตร์ และ  M.Sc. (Environmental Technology and Management), Asian Institute of Technology สู่ดีกรีปริญญาเอก Ph.D. (Environmental Science and Engineering) Gwangju Institute of Science and Technology, Gwangju, South Korea ในฐานะเด็กทุนหลักสูตรอินเตอร์ เป้าหมายแรก ตั้งต้นจากความตั้งใจอย่างหนักแน่น ด้วยความที่ตัวเองเป็นเด็กที่ไม่เก่ง แต่กลับนำจุดด้อยมาเป็นพลังใจสำคัญ สู่การเป็นอาจารย์อย่างเต็มตัวที่พีไอเอ็ม ในคณะนวัตกรรมการจัดการเกษตร จึงนำความรู้ที่ได้รับทั้งหมดมาพัฒนาเยาวชนของชาติ ตอบแทนกลับสังคมและประเทศ

“ แม่ คือ แรงบันดาลใจสำคัญที่ช่วยผลักดันให้อยากเป็นครู ” จากการเห็นแม่ที่อยู่ในสายอาชีพครู  เมื่อเทียบกับอีกด้านที่ตนได้เข้าไปสัมผัสเห็นการทำงานในวงการภาคธุรกิจ ที่ต้องมีแข่งขันมากมาย ทำให้ตัวเองรู้สึกว่าไม่ใช่หนทางสู่เป้าหมายชีวิต  จึงเริ่มมองหางานที่ได้ทำหน้าที่เป็นผู้ให้ โดยนำสิ่งที่ตนเองมีองค์ความรู้ มาต่อยอดให้เด็ก ให้เขาลองค้นหาตัวตนให้เจอและมีที่ยืนที่เหมาะสมกับความชอบและตัวตนที่เด่นชัดบนโลกใบนี้

ย่างเข้าสู่ปีที่ 7…ในบทบาทแม่พิมพ์ของชาติ ด้วยความเชื่อบนพื้นฐานของการนำกระบวนการคิดและเรียนรู้ มาดัดแปลงเข้ากับศาสตร์การจัดการ ผนวกเข้ากับนวัตกรรมการเกษตรสมัยใหม่ ซึ่งเป็นแนวทางที่ อาจารย์มลฤดี มีความถนัด สอดคล้องกับปัจจุบันที่เทรนด์ของการทำการเกษตรอย่างยั่งยืนของประเทศไทย ทำให้เด็กๆตื่นตัวอยากที่จะเข้ามาเรียนรู้ เป็นส่วนหนึ่งเพื่อนำองค์ความรู้จากการลงมือปฏิบัติจริงมาพัฒนาตัวเอง สวมบทบาทเป็น“นักจัดการเกษตรมืออาชีพ” ด้วยทักษะที่นักจัดการการเกษตรรุ่นใหม่ต้องมี 7 องค์ประกอบดังนี้คือ การจัดการองค์กร การจัดการตลาดภายในและต่างประเทศ การจัดการทรัพยากรมนุษย์ บัญชีและการเงิน จัดซื้อวัตถุดิบ แปรรูปเพิ่มมูลค่า และการประชาสัมพันธ์ ทำให้เด็กมีความรู้รอบด้านมองเห็นโอกาสในการต่อยอดทางธุรกิจทั้งระบบ

นักจัดการเกษตรของพีไอเอ็มจะมีจุดเด่น คือ ประยุกต์ทักษะตลอดการเรียนรู้และประสบการณ์ตรงที่ลงไปคลุกคลีกับเกษตรกรในการฝึกงานจริงกับพื้นที่ตามหลัก “Work–based Education” มาปรับใช้ให้สอดคล้องกับการทำงานจริง นักศึกษาจะตระหนักรู้ ในกระบวนการของห่วงโซ่ของอุปสงค์อุปทานตั้งแต่ต้นจนจบ เหล่านี้คือ    สิ่งที่ทางสถาบันฯปลูกฝังการบรูณาการ 3 หลักสำคัญทั้ง การเกษตร ธุรกิจ การจัดการรวมกันในหลักสูตรปัจจุบันที่ยุคของเกษตรก้าวหน้า เราจึงต้องสร้างคนที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญภาคเกษตรทันสมัย

จากหัวใจที่มีความเป็นครูอย่างเต็มเปี่ยม ทำให้การสอนและคำปรึกษาของอาจารย์มลฤดีกับลูกศิษย์ เป็นแบบ เปิดกว้าง…เปิดใจพร้อมจะรับฟังซึ่งกันและกัน ทั้งยังสอดแทรกวิธีการเล่าเรื่องในห้องเรียนอย่างน่าสนใจ สนุกสนานเป็นกันเอง เพื่อให้นักศึกษารับไปปรับใช้หน้างานได้จริงกับองค์กรที่เข้าไปฝึกปฏิบัติงาน ช่วยกันชี้แนะตักเตือน แชร์ประสบการณ์ร่วมกัน ในบทบาทของอาจารย์และมุมมองของเพื่อนร่วมงาน เรียกว่า คุย-คิด-แก้ปัญหา ร่วมกันสู้และเรียนรู้ สามัคคีเสมือนทีมที่พร้อมฝึกลงสนามจริงไปด้วยกัน

ครูปัจจุบัน…จึงต้องมีสไตส์ในการสอนเหมือนเพื่อนคู่คิด ใกล้ชิดกับนักศึกษา และนำมาปรับใช้ให้เหมาะกับเด็กแต่ละคน ผนวกกับการใช้ประสบการณ์ตรง เช่น การลงไปสัมผัส และมองทิศทางคาดการณ์โลกในอนาคตให้ออก

“ ครูต้องช่วยดูแลทำให้เด็กใช้ชีวิตอย่างให้เป็นสุข ปรับตัวในการทำงานจริงอยู่ร่วมกับคนอื่นได้ และเป็นคนดีของสังคมในทุกมิติ ” ตอบแทนกลับสู่สังคม ประเทศชาติ ช่วยหล่อหลอม “คนคุณภาพ” ในอนาคตต่อไป

 

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *