‘ELON MUSK’ Iron Man นอกจอ

‘Elon Musk’ Iron Man นอกจอ

‘Elon Musk’ Iron Man นอกจอ

 

Elon Musk (อีลอน มัสก์) ชายวัย 48 ปีที่ถูกขนามนามว่าเป็น ‘Iron Man’ ด้วยความสามารถที่มากเกินคนธรรมดาอย่างเราๆ จึงทำให้เขาถูกยกย่องให้เป็นต้นแบบของฮีโร่ชื่อดังที่ไม่ว่าใครๆ ก็ต้องรู้จัก การใช้ชีวิตที่เต็มไปด้วยเรื่องเหลือเชื่อของมัสก์สร้างแรงบันดาลใจให้นักธุรกิจหลายๆคน รวมไปถึงดาราระดับฮอลลีวูดอย่าง ‘โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์’ ผู้ทำรับบทเป็นไอรอนแมน

Elon Musk หรือชื่อเต็มว่า Elon Reeve Musk เกิดวันที่ 8 มิถุนายน 1971 ในเมือง Pretoria ประเทศแอฟริกาใต้ พ่อของเขาเป็นวิศวะกรอิเล็คทรอนิกส์ แม่ของเขาเป็นนักโภชนาการ และมีน้องชาย 1 คนกับน้องสาว 1 คน มัสก์ฉายแววอัจฉริยะตั้งแต่ยังเด็ก ตอนอายุ 8 ขวบ มัสก์อ่านหนังสือหมดทั้งห้องสมุด เขาเริ่มสนใจคอมพิวเตอร์ตอนอายุ 10 ขวบ และสามารถเรียนเขียนโปรแกรมจบภายใน 3 วัน ตั้งแต่อายุ 12 และเขายังเขียนเกมที่ชื่อว่า Blaster ออกมาขายได้ถึง 500 เหรียญฯ (ประมาณ 15,000 บาท)  ซึ่งถ้าเป็นคนอย่างเราๆ คงจะใช้เวลาเรียนมากถึง 6 เดือน 

 

 

 

 

 

แต่สิ่งที่เป็นจุดเปลี่ยนแปลงชีวิตของมัสก์ได้เริ่มขึ้นเมื่อตอนเขาอายุ 14 มัสก์ได้อ่านหนังสือเรื่อง The Ultimate Hitchhiker’s Guide to the Galaxy ที่บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับการท่องอวกาศ มัสก์เกิดแรงบันดาลใจขึ้นมาจนเขาได้ติดสินใจว่าเขาจะใช้ชีวิตตัวเองเพื่อการดำรงอยู่ของมวลมนุษย์ ด้วยการไปตั้งอาณานิคมใหม่ที่ดาวอังคาร หลังจากนั้นในวัย 19 ปีมัสก์ก็เริ่มต้นชีวิตในมหาวิทยาลัยที่ Queen’s University in Kingston ที่ประเทศแคนาดาก่อนจะย้ายไปเรียนที่ University of Pennsylvania มัสก์สำเร็จการศึกษาตอนเขาอายุ 24 ปีและยังได้รับปริญญาทั้ง 2 สาขาคือสาขาเศรฐศาสตร์และสาขาฟิสิกส์ ถึงแม้ว่ามัสก์จะเคยคิดเรื่องการเรียนมหาวิทยาลัยต่อเพื่อให้ได้ปริญญาในสาขา High Energy Physics แต่สุดท้ายเขาก็ยุติเส้นทางนี้ลงและเริ่มสร้างธุรกิจของตัวเองขึ้นมานับตั้งแต่ตอนนั้น

Zip2

ธุรกิจแรกที่มัสก์ได้ก่อตั้งขึ้นมาชื่อว่า Zip2 เป็นบริษัทที่รวบรวมข้อมูลของหนังสือพิมพ์เจ้าต่างๆ ซึ่งธุรกิจนี้มัสก์ได้ร่วมกันกับน้องชายเพื่อก่อตั้งขึ้นมา พวกเขาได้รับเงินทุนก้อนหนึ่งจากนักลงทุนอิสระ Angel Investor แต่ในเวลาต่อมาในช่วงกุมภาพันธ์ ปี 1999 ธุรกิจอินเตอร์เน็ต Zip2 ของมัสก์ก็ถูกซื้อกิจการไปโดยบริษัท AltaVista ในมูลค่า 307 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 9,500 ล้านบาท) นั่นหมายถึงมักส์ได้รับเงินจากธุรกิจ Zip2 ในรูปแบบของหุ้นด้วยรวมทั้งหมดได้กว่าหมื่นล้านบาท มัสก์นำเงินเกือบทั้งหมดไปซื้อคอนโดหรู รถซุปเปอร์คาร์ และเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว และใช้ชีวิตอย่างฟุ่มเฟือย 

X.com

ในเดือนต่อมามัสก์ก็ได้เริ่มต้นธุรกิจขึ้นมาใหม่ชื่อว่า X.com เป็นธุรกิจเกี่ยวกับการระบบการชำระเงินบนอินเตอร์เน็ต ธุรกิจนี้ของมัสก์ได้รับนิยมเป็นอย่างมาก จนในปีต่อมามัสก์ก็ได้รวมธุรกิจนี้เข้ากับ Confinity ซึ่งเป็นบริษัทคู่แข่งที่ควบคุมโดย Peter Theil แล้วจึงเปลี่ยนชื่อธุรกิจใหม่เป็น Paypal 

โดยที่มัสก์ดำรงตำแหน่งเป็นประธานบริษัทและ CEO ในเวลาต่อมาในมีการขัดแย้งกันระหว่างบุคลากรในองค์กรจนทำให้มัสก์ถูกปลดออกจากตำแหน่ง CEO แต่นั่นก็ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้กับมัสก์มากนัก ในปี 2002 หลังจากที่ Paypal ถูกซื้อไปโดย eBay มัสก์ก็ได้ส่วนแบ่งเป็นจำนวน 180 ล้านเหรียญฯ (ประมาณ 5,500 ล้านบาท) และเป็นจำนวนที่เพียงพอให้เขาเริ่มลงทุนสำหรับธุรกิจใหม่ต่อไปได้

Tesla

ปี 2003 บริษัท Tesla ถูกก่อตั้งขึ้นมาโดย Martin Eberhard และ Marc Tarpenning โดยมีมัสก์เข้ามาร่วมด้วยในปี 2004 บริษัท Tesla แทบจะเป็นบริษัทแรกๆที่พยายามจะสร้างรถที่ใช้พลังงานจากไฟฟ้า มัสก์ได้มีส่วนในการออกแบบรถรุ่น Roadster และได้รับรางวัล Glabol Green การลงทุนของมัสก์ต่อบริษัทนั้นมากถึง 70 ล้านเหรียญ (ประมาณ 2,200 ล้านบาท) จึงทำให้เขากลายเป็นประธานบริษัท Tesla ในเวลาต่อมา ปี 2006 บริษัท Tesla เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วจนได้รับการระดมทุนเพิ่มได้มากถึงกว่า 100 ล้านดอลล่าร์ฯ  แต่ในปี 2007 ก็เริ่มเกิดปัญหากับ Tesla ทำให้บริษัทตกอยู่ในสภาวะวิกฤต มัสก์จึงเป็นคนที่ลงมาจัดการและแก้ไขปัญหาที่วิกฤตเองทั้งหมดและทำให้ Tesla รอดพ้นจากการล้มละลายได้ ในช่วง 2003 มัสก์ได้ลงทุนเงินจำนวน 10 ล้านเหรียญฯ (ประมาณ 31 ล้านบาท) ไปกับ SolarCity เนื่องจากเขาต้องการใช้ประโยชน์จากการสร้าง Eco-system พลังงานแสงอาทิตย์เพื่อทำไปซัพพอร์ตให้กับ Tesla Motors เพื่อลดภาวะโลกร้อนและหันมาใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอร์รี่แทน 

SpaceX

ช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ของชีวิตมัสก์ได้เริ่มต้นขึ้น การอ่านหนังสือเกี่ยวกับอวกาศในวัยเด็กของมัสก์กลายมาเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตเขา มัสก์เคยเดินทางไปประเทศรัสเซียในปี 2001 เพื่อขอซื้อจรวดแต่มันมีราคาในการปล่อยจรวดต่อ 1 ครั้งที่แพงจนเกินไป มัสก์จึงตัดสินใจก่อตั้งบริษัทด้วยตัวเองซะเลย มัสก์ก่อตั้งบริษัท SpaceX ขึ้นในวันที่ 6 พฤษภาคม 2002 ที่เมือง Hawthorne รัฐ California มัสก์ใช้เงินทุนที่ได้จากการขาย Paypal มาลงทุนในการผลิตและสร้างจรวดเอง ความต้องการของมัสก์ที่มีมากกว่าการส่งจรวดไปโคจรรอบโลกเหมือนบริษัทอื่นๆ คือการสร้างจรวดขึ้นมาเพื่อตั้งอาณานิคมใหม่บนดาวดวงอื่น โครงการของ SpaceX ได้รับเงินทุนสนับสนุนมากมายจากกลุ่มต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Founders Fund ,DARPA, ORS, Celestis, ATSB, SpaceDev, Orbcomm, NSPO, Astrium ในปี 2002 SpaceX ได้เปิดตัว Falcon 1 ซึ่งโครงการนี้ใช้เวลาในการเตรียมประมาณ 4 ปี Falcon 1 ถูกปล่อยตัวในปี 2005 เป็นครั้งแรกแต่ก็ล้มเหลว Falcon 1 ถูกปล่อยตัวอีกครั้งที่ 2 และ 3 ก็ยังล้มเหลวอยู่จนทำให้นักลงทุนเริ่มขาดความเชื่อมั่น และ SpaceX ก็เหลือเงินในการปล่อยจรวดอีกเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น จนในที่สุด ปี 2008 การปล่อยจรวด Falcon 1  ครั้งที่ 4 ก็สำเร็จจึงทำให้นักลงทุนกลับมาเชื่อมั่นกับโครงการนี้ได้อีกครั้ง จากการปล่อยจรวดครั้งนี้จึงมีการเซ็นต์สัญญาร่วมกันระหว่าง SpaceX กับ NASA เป้าหมายที่มัสก์ได้วางแผนไว้คือการส่งคนจำนวน 1 ล้านคนไปยังดาวอังคาร ซึ่งการส่งจรวดหนึ่งเที่ยวสามารถบรรจุคนได้ 100 ที่นั่ง เป้าหมายของมัสก์ถูกคาดว่าน่าจะทำได้ใน 40 – 100 ปีนับจากนี้ แต่การเดินทางไปดาวอังคารนั้นมีค่าใช้จ่ายที่สูงถึงคนละ 10 พันล้านเหรียญฯ (ประมาณ 3 แสนล้านบาท) มัสก์พยายามที่จะลดค่าใช้จ่ายให้เหลือเพียงคนละ 100,000 – 200,000 ดอลล่าร์ (ประมาณ 3 – 6 ล้านบาท) ถ้าแผนการทั้งหมดเป็นไปอย่างราบรื่นโครงการนี้ก็อาจจะเกิดขึ้นได้ภายใน 10 ปีข้างหน้านี้ก็เป็นได้ 

เพราะความอัจฉริยะของมัสก์จึงทำให้ผลงานการสร้างชิ้นใหญ่ของเขาสร้างความน่าตื่นตาตื่นใจสู่สายตาชาวโลกเป็นอย่างมาก ไม่แปลกใจเลยที่ผู้คนต่างยกย่องเขาและนำไปเป็นต้นแบบของฮีโร่ชื่อดังระดับโลกอย่าง Iron Man ที่ไม่ว่าใครก็ต่างรู้จักจากภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์

 

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *