‘เออิจิโร โอดะ’ เจ้าของผลงานมังงะระดับโลก

 

มังงะ คืออะไร มังงะเป็นภาษาญี่ปุ่นที่แปลว่า “ภาพตามอารมณ์” ถูกใช้อย่างกว้างขวางหลังจากในสมัยคริสต์ศวรรษที่ 19 นักประวัติศาสตร์บางกลุ่มเห็นว่ามังงะอาจจะมีประวัติความเป็นมาที่ยาวนานกว่านั้น โดยหลักฐานคือภาพจิกะ (ภาพตลก) มังงะได้พัฒนาการมาจากการผสมผสานระหว่างภาพวาดแบบอุคิโยเอะกับจิตรกรรมตะวันตก ในศวรรษที่ 21 คำว่ามังงะได้เปลี่ยนความหมายจากเดิมมาเป็น “หนังสือการ์ตูน” แต่ในประเทศไทยยังไม่เป็นที่นิยมมากนัก คนไทยส่วนมากจะเรียกว่า “หนังสือการ์ตูนญี่ปุ่น” มากกว่า เอกลักษณ์ของการอ่านมังงะจะมีความพิเศษกว่าการอ่านการ์ตูนทั่วไปคือการอ่านจากข้างหลังไปข้างหน้า มังงะจะถูกแบ่งออกเป็น 5 ประเภท ในแต่ละประเภทก็จะมีกลุ่มเป้าหมายของผู้อ่านที่แตกต่างและชัดเจน และประเภทที่เราจะนำมาพูดถึงในวันนี้คือประเภท “โชเน็ง” (Shonen) ที่แปลว่าหนุ่มน้อย การ์ตูนในประเภทนี้จึงจะมีเนื้อหาที่เป็นที่ชื่นชอบของเด็กวัยรุ่นชาย หนึ่งในการ์ตูนประเภทโชเน็งที่เป็นที่ชื่นชอบและมีผู้อ่านอยู่มากมายทั่วโลกคือเรื่อง “One Piece” (วันพีซ) 

One Piece 

มังงะชื่อดังที่วาดโดย “เออิจิโร โอดะ” ชายชาวญี่ปุ่นวัย 45 ปี เกิดวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 1975 ในเมืองคุมาโมโตะ ประเทศญี่ปุ่น นักเขียนการ์ตูนชาวญี่ปุ่นจะถูกยกย่องและเรียกว่าเป็นอาจารย์ ในวัยเด็กของอาจารย์โอดะนั้นมีความชื่นชอบและรักในการอ่านหนังสือการ์ตูนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว อาจารย์โอดะมีความหลงไหลในศิลปะแขนงนี้และอยากที่จะเป็นนักวาดการ์ตูนตั้งแต่อายุ 4 ขวบ อีกหนึ่งเหตุผลคืออาจารย์โอดะไม่อยากที่จะทำงานเป็นพนักงานออฟฟิศทั่วๆ ไป เขาจึงตั้งเป้าหมายที่จะอยากทำอาชีพนักวาดการ์ตูนมาตลอด อาจารย์โอดะได้รับอิทธิพลมาจากการอ่านการ์ตูนเรื่อง Dragon Ball และการ์ตูนอนิเมชั่นเรื่อง Vicky the Viking ที่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับโจรสลัด ซึ่งเป็นการ์ตูนที่โด่งดังมากในช่วงเวลานั้น

ในตอนเด็กอาจารย์โอดะเคยออกแบบตัวละครที่ชื่อว่า แพนด้าแมน ส่งไปหาผู้วาดการ์ตูนเรื่อง Kinnikuman แต่ตัวละครของเขาไม่ได้รับการตีพิมพ์เขาจึงเก็บตัวละครนั้นมาเป็นไข่อีสเตอร์ และวาดใส่ไว้ในการ์ตูน One Piece ของเขาเอง

อาจารย์โอดะเริ่มเข้าสู่วงการนักเขียน

ในปี 1992 อาจารย์โอดะเริ่มเข้าสู่วงการนักเขียนการ์ตูนอาชีพตั้งแต่เขาอายุ 17 ปี ผลงานการเขียนการ์ตูนเรื่องแรกของอารจารย์โอดะคือเรื่อง “Wanted” โดยในหนังสือจะประกอบไปด้วยเรื่องสั้น 5 เรื่องจบในตอน เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับซามูไร คาวบอย พระเจ้า นักบวช และโจรสลัด ที่กลายมาเป็นวันพีซในตอนหลัง ผลงานเรื่อง Wanted ของเขาได้รับรางวัลที่ 2 ในการประกวดรางวัล Tezuka Award ที่สนับสนุนโดยนิตยสารการ์ตูนรายสัปดาห์ Shonen Jump จากผลงานดังกล่าวทำให้อาจารย์โอดะสมัครเป็นผู้ช่วยนักเขียนได้สำเร็จ

งานแรกที่อาจารย์โอดะได้รับมอบหมายคือการเป็นผู้ช่วยอาจารย์ Shinobu Kaitani หลังจากนั้นในปี 1994 อาจารย์โอดะก็ได้ย้ายมาเป็นผู้ช่วยอาจารย์ Masaya Tokuhiro ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นผู้ช่วยของอาจารย์ Mizu no Tomodachi Kappanman ในปี 1995 – 1996 แต่ในระหว่างปี 1993 – 1994 อาจารย์โอดะได้วาดการ์ตูนหลายๆ เรื่อง ทั้ง God’s gift for the Future (1993) , Ikki Yako (1994) และ Monster (1994) ผลงานที่อาจารย์โอดะได้ทำทั้งหมดเหมือนเป็นการค้นหาแนวทางของตัวเองไปด้วย จนในที่สุดผลงานทั้งหมดก็ถูกผสมผสานเข้าด้วยกันจนเกิดขึ้นเป็นไอเดียในการเขียน One Piece นั่นเอง

ปลายปี 1996 อาจารย์โอดะได้วาดการ์ตูนสั้น 2 ตอน ชื่อว่า Romance Dawn Version 1 และ 2 ซึ่งได้กลายมาเป็นปฐมบทของวันพีซ ในปี 1997 หลังจากนั้นอาจารย์โอดะก็ลาออกเพื่อมาวาดวันพีซเป็นผลงานของตัวเองอย่างจริงจัง ตอนอาจารย์โอดะอายุ 22 ปี เขาได้กลายเป็นนักเขียนอย่างเต็มตัว ผลงานการเขียนเรื่องยาวอย่างวันพีซได้รับรางวัล The Hop Step Award นักเขียนหน้าใหม่ และได้รับการตีพิมพ์ลงในนิตยสาร Weekly Shonen Jump การเขียนเรื่องราวของโจรสลัดได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะค่อนข้างแปลกและแหวกแนวไปจากการ์ตูนในสมัยนั้นๆ ที่จะเน้นไปในเรื่องของกีฬา แฟนตาซี หรือดราม่าธรรมดานั่นเอง วันพีซกลายเป็นการ์ตูนที่โด่งดังไปทั่วญี่ปุ่น และในระยะเวลาสั้นๆก็สามารถทำยอดขายได้มากกว่า 65 ล้านเล่มและกลายเป็น Best Seller ทำลายสถิติอันดับ 1 ตลอดกาล แถมยังถูกตีพิมพ์เป็นเวอร์ชั่นภาษาต่างประเทศอีกหลายภาษาเลยทีเดียว

One Piece เป็นเรื่องราวในสมัยที่เป็นยุคทองของโจรสลัด โจรสลัดทุกคนต่างออกเรือเพื่อตามล่าหาสมบัติที่เรียกว่า “วันพีซ” ใครที่เจอสมบัติชิ้นนี้ก่อนก็จะกลายเป็นเจ้าแห่งโจรสลัดและได้ทุกอย่างไปครอบครอง “มังกี้ ดี ลูฟี่” เด็กชายผู้มีความฝันอยากออกทะเลและกลายเป็นเจ้าแห่งโจรสลัด ลูฟี่ได้รู้จักกับ “แชงคูส” ทีปัจจุบันได้กลายมาเป็นหนึ่งในเจ็ดเทพโจรสลัด และได้บังเอิญกินผลไม้ปิศาจ ผลโกมุ โกมุ เข้าไปทำให้ลูฟี่กลายเป็นมนุษย์ยาง ลูฟี่ได้ออกผจญภัยและมุ่งหน้าสู่แกรนด์ไลน์ ในระหว่างทางลูฟี่ได้หาพรรคพวกมาร่วมเดินทาง โดยคนแรกคือ “โรโรโนาอา โซโล” นักล่าค่าหัวโจรสลัดที่กลายมาเป็นนักดาบ แมวขโมย “นามิ” ต้นหนเรือ ขาดำ “ซันจิ” เชฟประจำเรือ “อุซป” จอมโกหก ผู้สร้างเครื่องมือด้วยหลักทางวิทยาศาสตร์ “โทนี่ โทนี่ ช็อปเปอร์” เรนเดียร์จมูกน้ำเงินพูดได้มาเป็นหมอประจำเรือ “นิโค โรบิน” สมาชิกเพียงคนเดียวที่สามารถอ่านอักษรโพเนกลีฟได้ “แฟรงกี้” อดีตช่างแยกชิ้นส่วน “บรู๊ค” โครงกระดูกอตมะ การเดินทางของโจรสลัดกลุ่มหมวกฟางยังคงเดินทางต่อไปเรื่อยๆ เนื้อเรื่องที่มีทั้งความสนุกของการต่อสู้และความตื่นเต้นของการผจญภัยทำให้ผู้อ่านที่เป็นแฟนวันพีซสามารถติดตามเรื่องราวได้อย่างต่อเนื่อง 

รายได้ของอาจารย์เออิจิโร โอดะ

เนื่องจากวันพีซเป็นการ์ตูนที่โด่งดังมาก ค่าต้นฉบับของวันพีซนั้นจึงไม่ใช่จำนวนน้อยๆ เพียงแค่เรื่องราวหนึ่งหน้ากระดาษของอาจารย์โอดะก็มีมูลค่าถึง 50,000 เยน x 20 หน้า/ตอน เท่ากับใน 1 อาทิตย์อาจารย์โอดะจะได้ค่าต้นฉบับถึง 1 ล้านเยนเลยทีเดียว และยังมีรายได้จากการขายหนังสือการ์ตูนสูงถึง 32,340,000 เล่ม โดยที่อาจารย์โอดะยังได้ค่าส่วนแบ่งจากลิขสิทธิ์ทั้งต่างๆ เช่น อนิเมชั่น ฟิกเกอร์ ของสะสม รวมทั้งหมดแล้วอยู่ที่ปีละ 3,122 ล้านเยน ลบล้างความคิดที่ว่าศิลปินไส้แห้งกันได้เลยทีเดียว อาจารย์โอดะมีเอกลักษณ์ในการทำงานที่เป็นของตัวเองอย่างชัดเจนมาก ถึงแม้ว่านักวาดการ์ตูนดังๆจะมีผู้ช่วยวาดกันเป็นปกติ แต่อาจารย์โอดะก็มักจะทำงานโดยใช้ผู้ช่วยวาดให้น้อยที่สุด เพื่อที่เขาจะได้ลงมือวาดมันเองทั้งหมด 

 One Piece จะจบในอีกกี่ปี ? 

วันพีซ การ์ตูนที่เดินทางมาอย่างยาวนานถึง 22 ปี และก็ยังคงได้รับความรักความชอบจากผู้อ่านอยู่เสมอมา วันพีซถูกเปิดตัวและตีพิมพ์ออกมาในปี 1997 ก็ยังคงดำเนินเรื่องราวของกลุ่มหมวกฟางที่ออกตามหาสมบัติ “วันพีซ” โดยที่ไม่มีแฟนการ์ตูนคนใดรู้ว่าเรื่องราวของวันพีซนั้นจะจบลงเมื่อไหร่ แต่อาจารย์โอดะได้ออกมาเปิดเผยถึงบทสิ้นสุดของวันพีซให้แฟนๆ ได้รู้ มีข่าวลืออยู่มากมายบนโลกอินเตอร์เน็ตว่าวันพีซนั้นจะจบในเล่มที่ 100 แต่อาจารย์โอดะก็ได้ปฏิเสธและบอกว่าวันพีซจะมีมากกว่า 100 เล่ม โดยที่ในปัจจุบันวันพีซได้ดำเนินเรื่องราวมาถึงประมาณ 80% แล้ว อาจารย์โอดะกล่าวว่าชีวิตนักเขียนการ์ตูนของตัวเองอาจจะจบลงไปพร้อมกับวันพีซเลยก็ว่าได้ อาจารย์โอดะจึงอยากที่จะเต็มที่กับส่วนที่เหลือของวันพีซให้ออกมาดีที่สุดเพื่อตอบแทนและขอบคุณผู้อ่านทุกคนที่รักและชื่นชอบงานของเขา

“ผมทุ่มพลังให้กับการ์ตูนเรื่องนี้ อาจจะเป็นงานที่ค่อนข้างหนัก แต่เมื่อคิดถึงการเขียนการ์ตูน ผมก็จะไม่ค่อยสนใจอะไร หากผมสามารถกดดันตัวเองถึงขั้นจนตรอกได้ ก็จะสามารถคิดไอเดียเยี่ยมๆ ออกมาได้เช่นเดียวกัน ไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกันว่าพลังแบบนี้มาจากไหน ผมทำได้แต่แบบนี้ และคิดว่าเป็นวิธีที่เหมาะกับผมแล้ว”

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *