6 วิธีเริ่มต้นอ่านหนังสือภาษาอังกฤษ
หลายคนอาจเคยได้ยินคำแนะนำสำหรับการฝึกภาษาอังกฤษด้วยการอ่านหนังสือภาษาอังกฤษกันค่อนข้างบ่อย เพราะการอ่านหนังสือของเจ้าของภาษาเราก็จะได้เรียนรู้ทั้งคำศัพท์ใหม่ๆ รูปประโยคที่ใช้ในบริบทต่างๆ รวมไปถึงแกรมม่าต่างๆ มากมาย ที่จะส่งผลต่อทักษะภาษาอังกฤษหลายๆ อย่างเลยทีเดียว แต่การจะเริ่มอ่านหนังสือที่มีแต่ภาษาอังกฤษล้วนๆ ก็อาจยังเป็นเรื่องยากสำหรับใครหลายๆ คน วันนี้เราจึงมี 5 วิธีที่จะช่วยในการเริ่มต้นอ่านหนังสือภาษาอังกฤษมาฝากกันค่ะ
เลือกอ่านหนังสือเล่มที่ชอบ
การอ่านไม่ว่าจะเป็นภาษาใดหากเราไปอ่านในเรื่องที่ตนเองไม่ได้สนใจ ไม่ชอบ แรงจูงใจในการอ่านก็จะน้อยลง ดังนั้นให้เริ่มจากเล่มที่เราชอบหรือสนใจก่อน อาจเป็นเรื่องที่ง่ายๆ หรือจะเป็นนิยาย นิทานต่างๆ ที่จะช่วยผ่อนคลาย อ่านแล้วไม่เครียด ก็จะทำให้การเริ่มอ่านนั้นได้ผลมากกว่า
เริ่มจากหนังสือที่มีเนื้อหาน้อยๆ
ให้เริ่มจากหนังสือที่เนื้อหาไม่เยอะ เลือกเล่มที่มีตัวหนังสือในแต่ละหน้าไม่ เพราะการที่มีเนื้อหาในแต่ละหน้าน้อยนนั้นจะมี นั่นหมายความว่าเราจะสามารถอ่านจบแต่ละหน้าได้เร็ว ทำให้เรามีกำลังใจในการไปต่อ และไม่รู้สึกท้อกับการอ่านมากนัก ละเมื่อจบแต่ละหน้าเร็ว ก็จะจบแต่ละเล่มได้เร็วด้วยเช่นกัน
ตั้งเป้าหมายในการอ่าน
ในการอ่านแต่ละครั้งให้เราตั้งเป้าหมาย อาจจะตั้งเป้าเอาไว้ว่าจะอ่านให้ได้วันละกี่หน้า ซึ่งไม่จำเป็นต้องตั้งจำนวนที่เยอะ แค่วันละวันละ 5-10 ก็ได้ หรือวันละบทก็ได้ ยิ่งสำหรับคนที่เลือกอ่านหนังสือนิยาย การอ่านจบบทก็จะมีข้อดีตรงที่เราจะอยากรู้ตอนต่อไป แล้วทำให้อ่านได้หลายๆ บทอย่างต่อเนื่อง สุดท้ายก็จะทำให้ได้ฝึกอ่านในจำนวนที่เยอะโดยที่เราไม่รู้ตัวนั่นเอง
กำหนดช่วงเวลาในการอ่าน
ให้กำหนดช่วงเวลาการอ่านหนังสือไว้อย่างชัดเจน ช่วงเช้า หรือช่วงก่อนนอน เพื่อให้เราอ่านอย่างเป็นกิจวัตร และติดเป็นนิสัย ซึ่งระยะเวลาในการอ่านแต่ละครั้งก็ไม่จำเป็นต้องใช้เวลานาน ขอแค่ได้อ่านทุกวันก็เพียงพอ
พกดิกติดตัวระหว่างอ่าน
สำหรับมือใหม่ที่เริ่มอ่าน หรือคนที่ยังไม่รู้คำศัพท์มากนัก แนะนำวางดิกไว้ใกล้ตัวหรือโหลดแอปดิกชันนารีไว้ระหว่างการอ่าน เพื่อที่จะได้ค้นหาคำที่ไม่รู้ไม่เข้าใจ หรือจะดาวน์โหลดแอปที่สามารถแปลประโยคก็ดีเช่นกัน เพื่อที่เวลาเจอประโยคยากๆ ก็จะสามารถค้นหาได้ทันที
ไม่จำเป็นต้องเข้าใจทุกประโยค
แม้จะแนะนำให้พกดิกชันารีไว้ แต่ในการอ่านหนังสือภาษาอังกฤษหลายครั้งเราไม่จำเป็นต้องรู้ทุกคำ หรือเข้าใจในทุกประโยคก็สามารถทำความเข้าใจเนื้อหาได้ เพราะบางครั้งการเอาแต่เปิดแต่ดิกก็อาจทำให้การอ่านสะดุด อ่านได้น้อยลง และอาจทำให้ท้ออีกด้วย ดังนั้นหากเป็นประโยคหรือคำศัพท์ที่พอจะแปลได้ก็ลองแปลจากบริบทหรือข้ามไปก่อนแล้วมาหาความหมายในภายหลังก็ได้
สำหรับคนที่สนใจอยากพัฒนาการอ่านภาษาอังกฤษก็สามารถเข้าไปฝึกอ่านกันฟรีๆ ได้ที่ >>> แนะ 5 เว็บไซต์อ่านหนังสือภาษาอังกฤษ ฟรี!