บริติช เคานซิล ประเทศไทย แถลงข่าว Get ready for Study UK 2021 อัปเดตเตรียมความพร้อมเรียนต่อสหราชอาณาจักรในปี 2564

บริติช เคานซิล ประเทศไทย แถลงข่าว Get ready for Study UK 2021 อัปเดตเตรียมความพร้อมเรียนต่อสหราชอาณาจักรในปี 2564

บริติช เคานซิล เผย สหราชอาณาจักรยังคงเป็นเป้าหมายอันดับ 1 สําหรับนักเรียนไทย

เผยความพร้อมหนุนนักเรียนไทยศึกษาต่อสหราชอาณาจักรอย่างรอบด้าน

สหราชอาณาจักร เผย 6 มาตรการ เสริมความมั่นใจนักเรียนไทยไปเรียนอังกฤษในปี 2564 “ดูแลในช่วงกักตัว” “เงินสนับสนุนพิเศษ” “ดูแลด้านสุขภาพจิตและความเป็นอยู่ที่ดี” “การเข้าถึงบริการด้านสาธารณสุข” “การ ตรวจเชื้อโควิด” และ “การเข้าถึงวัคซีนโควิด”

 

อัปเดตข้อมูลเตรียมความพร้อมเรียนต่อสหราชอาณาจักรปี 2564 (Get Ready for Study UK 2021)

การศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาต่างประเทศในปี 2561/62 มีนักเรียนไทยจำนวน 15,457 คน ตัดสินใจเลือกเรียนต่อในต่างประเทศ โดยมีจำนวน 6,880 คนเลือกเรียนต่อที่สหราชอาณาจักร มากเป็นอันดับ 1 หรือคิดเป็น 45 เปอร์เซ็นต์ ตามมาด้วยสหรัฐอเมริกา 35 เปอร์เซ็นต์ ออสเตรเลีย 16 เปอร์เซ็นต์ และแคนาดา 4 เปอร์เซ็นต์ ประเทศไทยเป็นประเทศอันดับ 3 ในกลุ่มอาเซียนที่มีนักเรียนเลือกเรียนต่อที่สหราชอาณาจักร

 

5 สาขาวิชาที่นักศึกษาไทยระดับปริญญาโทเลือกเรียนต่อมากที่สุด ได้แก่

− สาขาการจัดการธุรกิจ 60 เปอร์เซ็นต์

− สาขากฎหมาย 10 เปอร์เซ็นต์

− สาขาวิศวกรรมและเทคโนโลยี 6 เปอร์เซ็นต์

− สาขาสังคมศาสตร์ 5 เปอร์เซ็นต์

− สาขาการออกแบบและอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ 3 เปอร์เซ็นต์

 

ปัจจัยสนับสนุนการตัดสินใจไปศึกษาต่อสหราชอาณาจักรในปี 2564

− ความมีชื่อเสียงของสถาบันการศึกษา และงานวิจัยจำนวนมาก

− สหราชอาณาจักรยินดีต้อนรับนักศึกษาต่างชาติอยู่เสมอ

− การสนับสนุนนักศึกษาต่างชาติในการเข้าถึงบริการต่าง ๆ เกี่ยวกับสุขภาพอนามัย โดยระบบการดูแลสุขภาพ (NHS) ของสหราชอาณาจักร

− The Graduate Route และ The Student Route

− ความช่วยเหลือทางด้านการเงินในรูปแบบทุนการศึกษาจำนวนมาก

 

ทุนการศึกษาต่อสหราชอาณาจักรในปี 2564

− ทุน GREAT Scholarships

ทุนการศึกษาต่อระดับปริญญาโท ณ สหราชอาณาจักร ในปี 2564 มีทั้งสิ้นรวม 28 ทุน (จากปีก่อน 11 ทุน) มูลค่าตั้งแต่ 415,000 – 1,080,000 บาท รวมเป็นจำนวนกว่า 11,500,000 บาทท ระยะเวลาการเปิดรับสมัครขึ้นอยู่กับมหาวิทยาลัย โดยส่วนมากจะสามารถสมัครได้ตั้งแต่ตอนนี้ – ช่วงเดือน มีนาคม – พฤษภาคมนี้

รายละเอียดเพิ่มเติม www.britishcouncil.or.th/en/events/great-scholarships-2021-22

 

− ทุน Women in STEM

ทุนสำหรับผู้หญิงในแวดวงด้าน STEM ที่ต้องการศึกษาต่อในระดับปริญญาโทที่สหราชอาณาจักร ทุนเต็มจำนวน โดยจะครอบคลุมค่าเทอม ค่าที่พักอาศัย และค่าใช้จ่ายส่วนบุคคล ครอบคลุมการสนับสนุนพิเศษสำหรับผู้ที่มีบุตรค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับคอร์สปรับพื้นฐานภาษาของมหาวิทยาลัย ระยะเวลาการเปิดรับสมัครขึ้นอยู่กับมหาวิยาลัย โดยสามารถสมัครได้ตั้งแต่วันนี้ – ช่วงเดือนมีนาคมนี้

รายละเอียดเพิ่มเติม www.britishcouncil.org/study-work-abroad/in-uk/scholarship-women-stem

 

16 กุมภาพันธ์ 2564  บริติช เคานซิล ร่วมกับสถานเอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย เปิด ข้อมูลการศึกษาต่อสหราชอาณาจักรล่าสุดพบว่ามีนักเรียนไทยศึกษาที่สหราชอาณาจักรจำนวน 6,880 คน หรือคิดเป็น 45% จาก จำนวนนักศึกษาไทยที่เลือกศึกษาต่อ ณ ประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษทั้งหมด 15,457 คน โดยสาขายอดนิยมของนักเรียนไทยที่เลือกไปเรียนต่อนั้น ยังคงเป็นด้านการจัดการธุรกิจทั้งในระดับปริญญาตรี และปริญญาโท โดยสำหรับปริญญาโทนั้นคิดเป็นจำนวนสูงถึง 60% ตามด้วยสาขากฎหมาย 10% สาขาวิศวกรรมและเทคโนโลยี 6% สาขาสังคมศึกษา 5% และสาขาอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ และการออกแบบ 3%

พร้อมเน้นย้ำว่า สหราชอาณาจักรยังคงต้อนรับนักศึกษานานาชาติตลอดเวลา พร้อมเตรียม 6 มาตรการรองรับ ได้แก่ 1) การดูแลด้านอาหารและเครื่องใช้ที่จำเป็นสำหรับนักศึกษาที่ต้องกักตัว 2) การดูแลพิเศษสําหรับนักเรียนที่ได้รับผลกระทบ 3) การดูแลด้านสุขภาพจิตและความเป็นอยู่ที่ดี 4) การเข้าถึงบริการด้านสุขภาพ 5) การตรวจเชื้อโควิด -19 และ 6) การเข้าถึงวัคซีน ป้องกันโควิด -19 แบบเทียบเท่าพลเมืองสหราชอาณาจักร โดยคาดว่า สหราชอาณาจักรจะยังคงเป็นเป้าหมายอันดับหนึ่งของนักศึกษานานาชาติที่เลือกศึกษาต่อระดับอุดมศึกษา พร้อมกันนี้ บริติช เคานซิล เตรียมมอบทุน GREAT Scholarships สำหรับการศึกษาต่อระดับปริญญาโท ณ สหราชอาณาจักร และทุน Women in STEM ทุนการศึกษาแบบเต็มจำนวนสำหรับผู้หญิงในแวด วงด้าน STEM และต้องการศึกษาต่อในระดับปริญญาโทที่สหราชอาณาจักร

 

นางเฮลก้า สเตลมาเกอร์ ผู้อํานวยการ บริติช เคานซิล ประเทศไทย กล่าวว่า บริติช เคานซิล องค์กรนานาชาติเพื่อ ความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมและโอกาสทางการศึกษาจากสหราชอาณาจักร ที่ทำงานร่วมกับประเทศต่าง ๆ รวมถึงประเทศไทย ในการสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับผู้คนในทางที่ดีขึ้นผ่านงานด้านภาษาอังกฤษ อุดมศึกษาและศิลปวัฒนธรรม สหราชอาณาจักรมีชื่อเสียงด้านคุณภาพการเรียนการสอนและการวิจัยติดอันดับโลก อ้างอิงจากการจัดอันดับของ Times Higher Education ในปี 2564 ยกย่องให้สหราชอาณาจักรมีมหาวิทยาลัยถึง 2 แห่งที่ติดอันดับมหาวิทยาลัยชั้นนำ 10 แห่งของโลก ซึ่งรวมไปถึง มหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของโลกอย่าง มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด และมหาวิทยาลัยอื่น ๆ ที่มีคุณภาพอยู่ทั่วประเทศ โดยมีมหาวิทยาลัย 7 แห่งที่ติดอันดับท็อป 50 ของโลก และอีก 26 แห่งที่ติดอันดับมหาวิทยาลัยชั้นนำ 200 แห่งของโลก ตลอดจนมหาวิทยาลัย 162 แห่งในสหราชอาณาจักรล้วนจัดการเรียนการสอนอย่างเข้มงวดภายใต้มาตรฐานกำกับดูแลของรัฐบาล

 

นางสาวอเล็กซานดรา แมคเคนซี อัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย กล่าวว่า ท่ามกลางความท้าทายที่ทั่วโลกต้องเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สหราชอาณาจักรยังคงมุ่งมั่นให้ความสำคัญกับด้านอุดมศึกษา และยังคงยินดีต้อนรับนักเรียน นักศึกษาต่างชาติอยู่เสมอ โดยทางสหราชอาณาจักรเองได้คอยเฝ้าดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และ เตรียมพร้อมมาตรการรองรับที่เป็นประโยชน์ต่อนักศึกษาต่างชาติในการเดินทางมาศึกษาที่สหราชอาณาจักร ดังนี้

  1. การดูแลด้านอาหาร และเครื่องใช้ที่จำเป็นสำหรับนักศึกษาที่ต้องกักตัว รัฐบาลได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักรดูแลเรื่องอาหารยารักษาโรค และเครื่องใช้ที่จำเป็นต่าง ๆ สำหรับนักศึกษาที่ต้องทำการกักตัว รวมถึงทำหน้าที่เป็นผู้ให้ข้อมูลและคำปรึกษาในเรื่องคำถามต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับโควิด -19
  1. การดูแลพิเศษสำหรับนักเรียนที่ได้รับผลกระทบ ฝ่ายกิจการนักศึกษาและสนับสนุนนักศึกษานานาชาติ พร้อมที่จะให้คำแนะนำและการดูแลเป็นพิเศษสำหรับนักศึกษาที่มีความเสี่ยงเข้าข่ายกลุ่มบุคคลเปราะบาง (vulnerable persons) รวมไปถึงมีการจัดเตรียมกองทุนพิเศษเพื่อสนับสนุนกลุ่มนักเรียนที่ได้รับผลกระทบและต้องการความช่วยเหลือเป็นกรณีพิเศษ ซึ่งรวมไปถึงค่าที่อยู่อาศัยและอุปกรณ์การเข้าถึงการเรียนการสอนในรูปแบบออนไลน์
  1. การดูแลด้านสุขภาพจิตและความเป็นอยู่ที่ดี ทางมหาวิทยาลัยจะมีการจัดกิจกรรมในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อต้อนรับนักศึกษาทุกคน และสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนนักศึกษาภายใต้มาตรการความปลอดภัยด้านสาธารณะสุข ซึ่งในหลายมหาวิทยาลัยได้จัดให้มีการจับคู่บัดดี้ระหว่างนักศึกษานานาชาติเพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดี และกระตุ้นให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและข้อแนะนำต่าง ๆ ระหว่างเพื่อนนักศึกษาด้วยกัน
  2. การเข้าถึงบริการต่าง ๆ เกี่ยวกับสุขภาพอนามัย นักศึกษาต่างชาติทุกคนสามารถติดต่อรับบริการทางด้านสาธารณสุข โดยระบบการดูแลสุขภาพ (NHS) ของสหราชอาณาจักร ซึ่งรวมถึงบริการออนไลน์และบริการสำหรับกรณีฉุกเฉินด้วย
  3. การตรวจเชื้อโควิด -19 หลังจากที่นักศึกษาต่างชาติผ่านมาตรการเข้าเมืองแล้ว จะต้องผ่านกระบวนการตรวจหาเชื้อในกลุ่มผู้ป่วยไม่แสดงอาการเพื่อป้องกันการติดต่อ ตามข้อปฏิบัติของมหาวิทยาลัย โดยมีการตั้งเป้าไว้ว่าจะมีการจัดจุดตรวจในพื้นที่ของแต่ละมหาวิทยาลัยเพื่อความปลอดภัยสูงสุดของทุกคน
  4. การเข้าถึงวัคซีนป้องกันเชื้อโควิด-19 นักศึกษาต่างชาติที่อาศัยอยู่ในสหราชอาณาจักรและได้ทำการลงทะเบียนเข้าระบบการรักษาแบบแพทย์เวชปฏิบัติทั่วไป (GP) จะได้รับสิทธิ์การเข้าถึงวัคซีนป้องกันโควิด-19 โดยพิจารณาตามเกณฑ์เดียวกันกับพลเมืองของสหราชอาณาจักรเอง

 

นอกจากนี้ในปีที่ผ่านมา สหราชอาณาจักร ยังได้มีประกาศข้อเสนอใหม่ The Graduate Route ที่เปิดโอกาสให้นักศึกษาต่างชาติที่ศึกษาจบระดับปริญญาตรีและปริญญาโทในสหราชอาณาจักร สามารถสมัครเพื่ออยู่ทํางานต่อได้เป็นเวลา 2 ปี (สําหรับนักศึกษาระดับปริญญาโท) และ 3 ปี (สําหรับนักศึกษาระดับปริญญาเอก) โดยแม้จะเป็นผู้ที่เรียนในรูปแบบผสมผสาหรือเรียนผ่านระบบออนไลน์ ก็ยังคงสามารถ สมัครได้เช่นเดิมเพียงแต่ต้องศึกษาอยู่ ณ สหราชอาณาจักรในเทอมสุดท้าย รวมไปถึงล่าสุดได้มีการปรับปรุงวีซ่าสําหรับนักเรียน ใหม่ภายใต้ชื่อ The Student Route ที่ทำให้นักเรียน นักศึกษาต่างชาติสามารถสมัครวีซ่าได้ล่วงหน้าก่อนที่คอร์สเรียนจะเริ่มนานถึง 6 เดือน โดยที่เมื่อเรียนจบแล้วสามารถสมัคร The Graduate Route ต่อได้อีกด้วย โดยมาตรการทั้งหมดข้างต้นเป็นการสนับสนุนความหลากหลายทางวัฒนธรรมของสหราชอาณาจักร ซึ่งนักเรียนต่างชาติมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการส่งเสริมให้เกิดความหลากหลายในสังคมการเรียนและทำงานในสหราชอาณาจักร โดยทางสหราชอาณาจักรได้ตั้งเป้าจะมีจํานวนนักศึกษาต่างชาติ มากถึง 600,000 คน ในปี 2573 นางสาวอเล็กซานดรา กล่าวเพิ่มเติม

 

นางสาวอุไรวรรณ สะโมลี หัวหน้าฝ่ายบริการการศึกษาต่อสหราชอาณาจักร บริติช เคานซิล ประเทศไทย กล่าวว่า สหราชอาณาจักรยังคงเป็นจุดหมายหลักในการศึกษาต่อด้านอุดมศึกษาของคนไทย โดยในปีการศึกษา 2561/62 มี นักศึกษาไทยเลือกศึกษาต่อ ณ สหราชอาณาจักรมากถึง 6,880 คน หรือคิดเป็น 45% จากจำนวนนักศึกษาไทยที่เลือกศึกษาต่อ ต่างประเทศในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษทั้งหมด 15,457 คน โดยรองลงมาเป็นสหรัฐอเมริกาจำนวน 5,451 คน หรือคิดเป็น 35% ออสเตรเลียจำนวน 2,528 คน หรือคิดเป็น 16% และแคนาดาจำนวน 598 คน หรือคิดเป็น 4% ซึ่งสาขายอดนิยมของนักเรียนไทยที่เลือกไปเรียนต่อนั้นยังคงเป็นด้านการจัดการธุรกิจทั้งในระดับปริญญาตรีและปริญญาโท โดยสำหรับปริญญาโทนั้นคิดเป็นจำนวน สูงถึง 60% ตามด้วยสาขากฎหมาย 10% สาขาวิศวกรรมและเทคโนโลยี 6% สาขาสังคมศึกษา 5% และสาขาอุตสาหกรรม สร้างสรรค์และการออกแบบ 3%

 

นางสาวอุไรวรรณ กล่าวเพิ่มว่า บริติช เคานซิล ยังคงเดินหน้าส่งเสริมการศึกษาต่อสหราชอาณาจักร โดยมีเป้าหมายเตรียมความพร้อมให้นักเรียนไทยศึกษาต่อที่สหราชอาณาจักรในปีการศึกษา 2564/65 หรือที่จะเริ่มต้นในช่วงเดือนสิงหาคม 2554 นี โดยบริติช เคานซิล ยังคงเชื่อมั่นว่า สหราชอาณาจักร จะยังคงเป็นเป้าหมายอันดับ 1 สําหรับคนไทยในการเลือกศึกษาต่อ ถึงแม้ว่าจะมีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ก็ตาม โดยพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ ทั้งความโดดเด่นด้านวิชาการและงานวิจัยต่าง ๆ ของสหราชอาณาจักร มาตรการที่พร้อมต้อนรับนักศึกษาต่างชาติตลอดเวลา การดูแลด้านสุขภาพอนามัยของ นักศึกษาต่างชาติ รูปแบบวีซ่าที่รองรับการทำงานต่อหลังศึกษาจบและทุนการศึกษาต่าง ๆ มากมาย ซึ่งในปีนี้บริติช เคานซิล มี การมอบทุน GREAT Scholarships สำหรับศึกษาต่อระดับปริญญาโท ณ สหราชอาณาจักร จำนวนรวม 28 ทุน มูลค่าทุนละ 10,000 – 26,000 ปอนด์ (415,000 – 1,080,000 บาท) รวมเป็นจำนวนกว่า 11,500,000 บาท และทุน Women in STEM ทุนการศึกษาแบบเต็มจำนวนสำหรับผู้หญิงในแวดวงด้าน STEM และต้องการศึกษาต่อในระดับปริญญาโทที่สหราชอาณาจักร โดยนอกจากทุนจะครอบคลุมค่าเทอม ค่าที่พักอาศัย และค่าใช้จ่ายส่วนบุคคลแล้ว จะยังครอบคลุมการสนับสนุนพิเศษสำหรับผู้ที่ มีบุตร และค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับคอร์สปรับพื้นฐานภาษาของมหาวิทยาลัยอีกด้วย

 

สำหรับผู้ที่สนใจจะศึกษาต่อยังสหราชอาณาจักร สามารถใช้เวลาในช่วงนี้เตรียมพร้อมศึกษารายละเอียดคอร์สเรียนและการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ของทางมหาวิทยาลัย รวมถึงเป็นช่วงที่ดีสำหรับการสมัครเข้าร่วมทุนการศึกษาต่าง ๆ ตลอดจนเข้าลอง ศึกษาคอร์สเรียนฟรีต่าง ๆ จากมหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักร และติดตามการอัพเดทข่าวสารอย่างใกล้ชิดจากทาง มหาวิทยาลัย รัฐบาลอังกฤษ และข้อกำหนดในการเดินทางระหว่างประเทศ เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับปีการศึกษา 2564/65 ที่ กำลังจะถึงในช่วงเดือนกันยายน ตุลาคมนี้ นางสาวอุไรวรรณ กล่าวทิ้งท้าย

 

ผู้ที่สนใจเรียนต่อสามารถติดตามรายละเอียดข้อมูล เพิ่มเติม ได้ที่เว็บไซต์ https://study-uk.britishcouncil.org และ www.britishcouncil.or.th หรือเฟซบุ๊กแฟนเพจ British Council

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *