เจาะ 3 แชมป์ 3 ดาว “ราชภัฏอันดับ 1“ ปี 2021 ความสำเร็จจากรากฐานที่มั่นคง
แวดวงการศึกษาในยุคที่ข้อมูลข่าวสารทั่วโลกย่อแคบลงมาอยู่แค่ปลายนิ้ว มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่สถาบันการศึกษาแต่ละแห่งต้องเปิดข้อมูลกันอย่างหมดเปลือก เพื่อให้ผู้ที่สนใจ “เลือก” ทั้งการเข้ามาเรียนต่อ หรือผู้จ้างงานที่ต้องการมืออาชีพไปร่วมงาน
ปัจจุบัน การจัดอันดับสถาบันการศึกษา มีอยู่ 2 ประเภทหลัก ๆ คือ การจัดเรียงอันดับ (ranking) ยกตัวอย่างของ Times Higher Education Supplement จะนำความเห็นจากตัวชี้วัดที่กำหนดขึ้น แล้วนำมาเป็นเครื่องมือในการให้คะแนนก่อนทำการจัดอันดับ หรือของสถาบัน Webometrics Ranking ซึ่งเป็นการวัดผลงานทางวิชาการที่เผยแพร่บนอินเทอร์เน็ต หรือวัดความสามารถในการเป็นมหาวิทยาลัยอิเล็กทรอนิกส์ (E-university) โดยจะนำคะแนนมาจากตัวชี้วัดด้านต่าง ๆ แล้วนำมารวมเพื่อจัดอันดับเช่นเดียวกัน
แบบการจัดอันดับ (rating) จะเป็นแบบการประเมินผลทางการศึกษาโดยใช้รูปแบบของสัญญลักษณ์มาจัดระดับ เช่นของ QS stars ratings ซึ่งรับประเมินประสิทธิภาพการดำเนินงานของมหาวิทยาลัยทั่วโลก โดยมีตัวชี้วัดนำมาจัด rating เป็นระดับ 1 ถึง 5 ดาว แล้วประเมินเป็นภาพรวม (overall) ของแต่ละสถาบันออกมา
ประโยชน์ของการจัดอันดับสถาบันการศึกษา ที่เห็นเด่นชัดก็คือ เป็นเครื่องมือที่ทำให้เราได้เห็นถึงจุดเด่นและจุดด้อยของแต่ละสถาบัน เช่นคุณภาพของหลักสูตร คุณภาพของคณาจารย์ คุณภาพงานวิจัย การยอมรับจากผู้จ้างงาน เครือข่ายศิษย์เก่า เป็นต้น
ในประเทศไทยเรา เรื่องของ “การจัดอันดับ” ได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ ตามกระแสโลกที่มีการตื่นตัวอย่างต่อเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยอย่างรวดเร็วชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ หากหน่วยงานใดไม่มีผู้นำที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลก็ย่อมได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง แต่ถ้ามีผู้นำที่รู้ทันสถานการณ์ ผลกระทบที่หนักก็จะกลายเป็นเบาและเอาตัวรอดได้อย่างสบาย ๆ ในท้ายสุด
เหลียวกลับมามองสถาบันการศึกษาของไทย ผลกระทบด้านลบเริ่มรุนแรงมากขึ้น จนแทบจะกล่าวได้ว่ากว่า 90 % ล้วนมีปัญหาทั้งสิ้นโดยเฉพาะเรื่องจำนวนนักศึกษาที่ลดน้อยลงทุกปี ๆ บางแห่งมีจำนวนบุคลากรมากกว่าจำนวนผู้เรียน หลายแห่งต้องยุบคณะ ยกเลิกสาขากันจ้าละหวั่น ที่เหลือก็อยู่กันอย่างหวาดหวั่นว่ายุทธวิธีต่าง ๆ ที่สร้างกันขึ้นมาจะรับมือกับปัญหานี้ได้หรือไม่
แต่ในท่ามกลางหมอกควันของปัญหาที่รุนแรงรอบด้านในวงการศึกษา เป็นที่น่าสนใจอย่างยิ่งว่า “มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา” ยังคงมีข้อมูลการพัฒนารอบด้านผ่าน “สถาบันจัดอันดับ” จากต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง
ในปีค.ศ.2021 สถาบันเก่าแก่แห่งนี้ทำผลงาน “อันดับ 1 “ ของกลุ่มมหาวิทยาลัยราชภัฏทั้ง 38 แห่ง มาได้จาก 3 สถาบันจัดอันดับ รวมทั้งได้คะแนนรวม 3 ดาว จาก QS stars ratings อีกด้วย โดยผลงานที่น่าชื่นชมก็คือ…
อันดับ 1 มหาวิทยาลัยราชภัฏถึง 13 สมัย และอันดับล่าสุดมกราคม 2021 อยู่ที่ 15 ของประเทศ จาก Webometrics Ranking สถาบันจัดอันดับชื่อดังที่ได้รับการยอมรับทั่วโลกจากประเทศสเปน
(ผลการจัดอันดับดูได้ที่ http://www.webometrics.info/en
ผลการจัดอันดับในประเทศไทย http://www.webometrics.info/en/Asia/Thailand)
อันดับ 1 กลุ่มมหาวิทยาลัยราชภัฏ จาก uniRank University Ranking สถาบันดังจากประเทศออสเตรเลีย
(ดูผลการจัดอันดับได้ที่ https://www.4icu.org)
รวมทั้งได้ อันดับ 1 ต่อเนื่อง จาก SCImago Institutions Rankings (SIR) โดย Scimago Lab แห่งประเทศสเปน
(ดูผลจัดอันดับได้ที่ https://www.scimagoir.com/)
สุดท้าย คว้า 3 ดาวระดับโลกได้จาก QS stars ratings ซึ่งถือเป็นก้าวกระโดดครั้งสำคัญในการพัฒนาศักยภาพอย่างรอบด้านให้เข้าไปอยู่ในระดับมาตรฐานสากลอย่างเต็มตัว
หากเจาะลึกเข้าไปถึงแก่นในของความสำเร็จ ปฏิเสธไม่ได้ว่า ทุกอย่างไม่ได้มาเพราะโชคช่วย แต่มาด้วยการ “วางรากฐาน” ที่แน่นหนามั่นคงของ “รองศาสตราจารย์ ดร.ฤาเดช เกิดวิชัย” อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา (ดำรงตำแหน่งนายกสภามหาวิทยาลัยในปัจุบัน) ที่มีนโยบายก้าวออกจาก comfort zone ซึ่งสถาบันการศึกษาและบุคลากรทางการศึกษาส่วนใหญ่อิงแอบกับความอบอุ่นและปลอดภัยมานานแสนนาน
“เราจะต้องมุ่งหน้าสู่การเป็นมหาวิทยาลัยเอตทัคคะนานาชาติ เป็นองค์กรสมรรถนะสูง สง่างาม กะทัดรัด ศักยภาพของบุคลากรและคุณภาพของบัณฑิตอยู่ในระดับสูง เราจะอยู่ใน 15 อันดับแรกของประเทศ ส่วนระดับนานาชาติ จะเป็น 1 ในมหาวิทยาลัยไทย ที่ติดอันดับระดับโลก ซึ่งจัดโดย QS World Universities Ranking อันจะเป็นมหาวิทยาลัยราชภัฏแห่งแรกของประเทศไทยอีกด้วย” ” อดีตอธิการบดีซึ่งเป็นผู้ริเริ่มวางรากฐานได้กล่าวไว้เมื่อ 8-9 ปีที่ผ่านมา
เมื่อมีเข็มทิศนำทางที่ชัดเจน แม้จะเปลี่ยนผ่านงานบริหารมาสู่มือของอธิการบดีหญิงแกร่ง “รองศาสตราจารย์ ดร.ชุติกาญจน์ ศรีวิบูลย์” แนวนโยบายต่าง ๆ ถูกประยุกต์และนำมาปรับใช้อย่างเหมาะสมกับสถานการณ์ การพัฒนาศักยภาพรอบด้านเดินหน้าอย่างเป็นระบบ
ผลงานต่าง ๆ ที่ออกมาชี้ชัดว่า สถาบันแห่งนี้ยังคงมีทิศทางที่มั่นคง คือการก้าวไปสู่มาตรฐานการศึกษาระดับนานาชาติ แม้จะมีสถานการณ์หลายอย่างที่ควบคุมยากมารุมเร้า แต่สุดท้ายด้วยรากฐานที่แข็งแกร่งเป็นทุนเดิม ก็จะสามารถต่อสู้กับปัญหาได้ไม่ยากเย็นนัก
แค่ 3 เดือนเศษ ๆ ของปี 2021 ก็ก้าวขึ้นสู่แท่นอันดับ 1 ถึง 3 สถาบันแล้ว น่าจะเป็นเครื่องการันตีได้ว่า “สวนสุนันทา” ไม่ได้มาเล่น ๆ แน่นอน