เรื่องเล่าน่ารู้ เปิดประตูต้อนรับวัน “คริสต์มาส”

ก้าวเข้าสู่เดือน 12 ก่อนสิ้นปี ใกล้เข้ามาทุกทีกับเทศกาลคริสต์มาส เทศกาลที่ใครหลาย ๆ คนต่างรอคอย เพื่อรับของขวัญจากคุณลุงซานต้า นอกจากนี้แล้วก็ยังเป็นเทศกาลแห่งการเฉลิมฉลอง ซึ่งจะตรงกับวันที่ 25 ธันวาคม ของทุกปี ผู้คนมักคุ้นเคยกับสี แดง เขียว ขาว และ ทอง ในเทศกาล แท้จริงแล้วแต่ละสีนั้นก็มีความหมายที่ซ่อนอยู่ เช่น สีแดง หมายถึง ไฟ เลือด และความโอบอ้อมอารี สีเขียว หมายถึง ความอ่อนเยาว์และความหวัง ซึ่งก็เป็นการเปรียบเทียบว่าเทศกาลคริสต์มาสคือเทศกาลแห่งความหวัง สีขาว หมายถึง แสงสว่าง ความบริสุทธิ์ ความสุข และความรุ่งเรือง ส่วนสีทองนั้น หมายถึง แสงอาทิตย์และความสว่างไสว ซึ่งนอกจากแล้วก็นี้ยังมีอีกหลาย ๆ สิ่งในเทศกาลคริสต์มาสที่ใครหลาย ๆ คนอาจยังไม่เคยรู้มาก่อน เราจึงได้หยิบยก 12 สิ่งที่เกี่ยวกับเทศกาลคริสต์มาสมาให้ได้รู้จักกัน

25 ธันวาคม วันแห่งการเฉลิมฉลอง

ตามหลักฐานในพระคัมภีร์ที่ได้มีการบันทึก ได้มีการบันทึกไว้ว่าพระเยซูเจ้าบังเกิด ซึ่งในพระคัมภีร์ไม่ได้บอกว่า เป็นวัน หรือเดือนอะไร แต่นักประวัติศาสตร์ให้เหตุผลว่า ที่คริสตชน เลือกเอาวันที่ 25 ธันวาคม เป็นวันฉลองคริสต์มาส ตั้งแต่ ศตวรรษที่ 4 เป็นต้นมา เนื่องจาก ในปี ค.ศ. 274 จักรพรรดิเอาเรเลียน ได้กำหนดให้วันที่ 25 ธันวาคม เป็นวันฉลอง วันเกิดของสุริยเทพผู้ทรงพลัง ชาวโรมันฉลองวันนี้อย่างสง่า และถือเสมือนว่าเป็นวันฉลองของพระจักรพรรดิไปในตัวด้วย เพราะพระจักรพรรดิก็เปรียบเสมือน ดวงอาทิตย์ ที่ให้ความสว่างแก่ชีวิตมนุษย์ คริสตชนที่อยู่ในจักรวรรดิ โรมันรู้สึกอึดอัดใจที่จะฉลองวันเกิดของสุริยเทพตามประเพณีของชาวโรมัน จึงหันมาฉลองการบังเกิดของพระเยซูเจ้าแทน จนถึงวันที่ 25 ธันวาคม ค.ศ. 330 จึงเริ่มมีการฉลองคริสต์มาสอย่างเป็นทางการ

ซานตาคลอส

ซานต้า หรือ ซานตาคลอส ชายลักษณะ ร่างท้วม มีเคราสีขาว สวมชุดโค้ทสีแดง มีเรื่องเล่าต่อกันมาว่า ในช่วงเย็นและข้ามคืนวันคริสต์มาสอีฟ วันที่ 24 ธันวาคม เขาเป็นผู้นำของขวัญไปแจกให้กับเด็ก ๆ ที่เป็นเด็กดี ถึงบ้าน ตามตำนานกล่าวว่า ช่วงศตวรรษที่ 4 นักบุญ (เซนต์) นิโคลัส สังฆราชแห่งเมืองไมรา ได้ปีนขึ้นไปบนหลังคาบ้านของเด็กผู้หญิงที่ยากจนคนหนึ่งและทิ้งถุงเงินลงไปทางปล่องไฟ ซึ่งบังเอิญถุงเงินหล่นลงในถุงเท้าที่เด็กหญิงแขวนไว้ข้างเตาผิงอย่างพอดิบพอดี โดยนักบุญนิโคลัสท่านนี้นั้น เป็นนักบุญที่ชาวฮอลแลนด์นับถือ เพราะเป็นนักบุญที่มักช่วยเหลือเด็ก ๆ อยู่เสมอ เมื่อชาวฮอลแลนด์เริ่มอพยพไปอยู่ในสหรัฐฯ ก็นำเอาประเพณีการฉลองนักบุญนิโคลัสไปด้วย จนวันเวลาผ่านไปก็เปลี่ยนจากนักบุญเป็นชายแก่ตัวอ้วน น่ารัก ใจดี มีพาหนะเป็นกวางเรนเดียร์ลากเลื่อน มามอบของขวัญให้กับเด็กในเทศกาลคริสต์มาสของทุก ๆ ปี

กวางเรนเดียร์

กวางเรนเดียร์ของซานตาคลอส เป็นทีมกวางที่ช่วยลากเลื่อนพาซานต้าไปแจกของขวัญให้เด็ก ๆ ในเทศกาลคริสต์มาส โดยชื่อของกวางปรากฏในบทเพลงคริสต์มาสและบทกวี “A Visit from St.Nicholas” โดยมีจำนวนกวางทั้งหมด 9 ตัว ได้แก่ แดสเชอร์ แดนเซอร์ แพรนเซอร์ วิกเซ่น โคเม็ต คิวปิด ดอนเนอร์ บลิกเซ่น และ รูดอล์ฟ เป็นลูกชายของ ดอนเนอร์ เป็นกวางเรนเดียร์ที่มีลักษณะแปลกกว่าตัวอื่น เพราะมีจมูกสีแดงมาตั้งแต่เกิด และจมูกยังสามารถส่องแสงสว่างได้ ในตอนแรกนั้นใคร ๆ ก็หัวเราะเยาะในความแปลกประหลาด จนรู้สึกว่าเป็นปมด้อย แต่จมูกอันนี้กลับมีค่าสำหรับซานต้า ในค่ำคืนวันก่อนคริสต์มาสครั้งหนึ่ง ปรากฏว่าหมอกลงจัดเกินไปจนซานต้าเดินทางไปแจกของขวัญให้แก่เด็ก ๆ ทั่วโลกไม่ได้ และเกือบจะยกเลิกการเดินทาง แต่ซานต้าสังเกตเห็นจมูกสีแดงของรูดอล์ฟเข้าเลยคิดว่าอาจจะให้เป็นไฟส่องทางในการเดินทางได้ด้วยรถเลื่อน จึงจัดแจงชักชวนรูดอล์ฟมาทีมเลื่อน เลือกให้เป็นตัวหน้าสุด ทำให้การแจกของขวัญในคืนวันนั้นผ่านไปได้ด้วยดี

ปล่องไฟ

คนในสมัยก่อนมักจะอาศัยอยู่ที่ชั้นใต้ดินของบ้าน จึงจำเป็นจะต้องมีปล่องไฟไว้เพื่อเป็นทางเข้า-ออกของควัน ซานตาคลอสจึงใช้เป็นทางเพื่อเข้าไปแจกของขวัญให้กับเด็ก ๆ แต่ละบ้าน ในเทศกาลคริสต์มาส

ต้นคริสต์มาส

ต้นคริสต์มาสเป็นต้นสนชนิดไม่ผลัดใบ ที่หาง่ายและมีสีเขียวตลอดทั้งปี ความเชื่อในสมัยโบราณเชื่อว่าต้นคริสต์มาส เปรียบเสมือน ต้นไม้ในแห่งสวรรค์ โดยตามพระคัมภีร์นั้นได้เปรียบพระเยซูเจ้าเสมือนเป็นต้นไม้แห่งชีวิต ซึ่งเป็นต้นไม้ที่เขียวเสมอในทุกฤดูกาล สื่อถึงนิรันดรภาพของพระเยซูเจ้า อีกทั้งความสว่างของพระองค์ยังเหมือนแสงเทียนที่ส่องสว่างในความมืด และรวมถึงความชื่นชมยินดี และความสามัคคี ที่พระเยซูประทานให้ เพราะต้นไม้นั้นเป็นจุดศูนย์รวมของครอบครัวในเทศกาลคริสต์มาส ในช่วงศตวรรษที่ 16 มาร์ติน ลูเธอร์ เป็นผู้ริเริ่มการนำของตกแต่งคริสต์มาส เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของความโชคดีหลังจากศตวรรษที่ 19 มานั้นการตกแต่งประดับต้นคริสต์มาสก็เริ่มแพร่หลายไปทั่วโลก

พวงมาลัย

ต้นกำเนิดมาจากความเชื่อของขาวเคลท (Celtic) ในยุโรป ในทุก ๆ หน้าหนาว จะมีหนึ่งคืนที่กลางคืนยาวกว่ากลางวัน หรือที่เรียกว่า “เหมายัน” ชาวเคลทนำต้นมิสเซิลโทเป็นสัญลักษณ์ของการมีชีวิต ความหมายของพวงมาลัยคริสต์มาสหรือ Christmas Wreath แบ่งออกเป็นหลายความหมาย รูปร่างวงกลมเตือนใจสื่อถึงมงกุฎหนามของพระเยซู ใบไม้สีเขียวหมายถึงความเป็นอมตะ นิรันดร ที่ไม่มีจุดเริ่มต้นและไม่มีที่สิ้นสุด และโบว์สีแดงที่ถูกร้อยเข้ากับพวงมาลัยหมายถึงความรื่นเริง การแขวน Christmas Wreath ไว้หน้าบ้านนั้นสื่อถึงการปกป้องคุ้มครองเพราะเชื่อว่าจะทำให้สามารถป้องกันสิ่งชั่วร้ายต่าง ๆ ได้ โดยถูกทำต่อ ๆ กันมาจนกลายเป็นอีกประเพณีหนึ่งของวันคริสต์มาส  มักนิยมตกแต่งคู่กับ ใบฮอลลีที่สื่อถึงการปกป้องคุ้มครอง

ดอก Poinsettia

ตำนานของเม็กซิกันได้บอกเล่าถึงดอก Poinsettia ซึ่งกลายเป็นดอกไม้ประจำเทศกาลคริสต์มาสไว้ว่า ได้มีเด็กสาวชาวไร่จน ๆ คนหนึ่งเกิดความวิตกกังวลถึงของขวัญที่จะนำไปมอบให้กับพระแม่มารีในวันคริสต์มาสอีฟ เพราะเธอไม่มีสิ่งของใด ๆ ที่จะนำมาให้และเธอก็ไปด้วยตัวเปล่า ระหว่างการเดินทางเธอได้พบกับนางฟ้าตนหนึ่งซึ่งบอกให้เธอเก็บเมล็ดพืช ซึ่งเธอก็ทำตาม และแล้วปาฏิหารย์ก็เกิดขึ้น เมล็ดพืชเหล่านั้นได้เจริญเติบโตและเปลี่ยนไปเป็นดอกไม้สีเลือดหมูสดใส ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ดอก Poinsettia ก็ได้รับความนิยมใช้เป็นเครื่องประดับตกแต่งภายในโบสถ์และในบ้านในช่วงเทศกาลคริสต์มาส

ระฆัง

ระฆังหนึ่งในสัญลักษณ์ของวันวันคริสต์มาส การสั่นกระดิ่งในเช้าวันคริสต์มาสนั้นเป็นเสมือนการเฉลิมฉลองให้กับการกำเนิดของพระเยซู เหล่าผู้คนจะเฉลิมฉลองกันโดยการสั่นกระดิ่งเพื่อป่าวประกาศว่าได้เริ่มต้นเทศกาลเฉลิมฉลองแล้ว ซึ่งคนส่วนใหญ่ก็จะนำกระดิ่งคริสมาสต์นี้ไปเป็นของตกแต่งในวันคริสต์มาส

ถุงเท้า

ในเทศกาสคริสต์มาสคนมักนิยมแขวนถุงเท้ากันไว้ใกล้เตาผิง โดยมีเรื่องเล่าว่านักบุญเซนต์นิโคลัสต้องการจะช่วยสามพี่น้องให้หลุดพ้นจากความยากลำบาก จึงให้ทองแก่ทั้งสามคนโดยการหย่อนทองลงไปในปล่องไฟ แต่บังเอิญทองนั้นตกลงไปในถุงเท้าพอดี รุ่งเช้ามาสามพี่น้องพบจึงปิติยินดี และเป็นที่มาของการแขวนถุงเท้าไว้ใกล้เตาผิงในเทศกาลคริสต์มาสเพราะเชื่อว่าจะเป็นการนำมาซึ่งความโชคดี

ดาว

ตามตำนานเล่าว่า ในช่วงเวลาที่พระเยซูประสูตินั้น โหราจารย์ได้มองเห็นดาวลักษณะพิเศษดวงหนึ่งที่มีความสุกสว่างกว่าดาวทั่วไปปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าเป็นที่น่าอัศจรรย์ จึงออกเดินทางตามแสงแห่งดวงดาว จนไปพบกับสถานที่ประสูติของพระเยซูเจ้าที่เมืองเบธเลเฮม ประเทศปาเลสไตน์ ดาวจึงถือเป็นสัญลักษณ์ของการเสด็จมาประสูติของพระเยซู ผู้คนมักประดับดาวคริสต์มาสไว้บนยอดต้นคริสต์มาสเปรียบเสมือนดวงดาวที่สุกสว่างไสวไปทั่วท้องฟ้า

ของขวัญและการ์ดอวยพร

เทศกาลคริสต์มาส เป็นอีกหนึ่งในเทศกาลที่นิยมนำของขวัญมาแลกเปลี่ยนกัน โดยการแลกเปลี่ยนของขวัญนั้น ได้มีการเริ่มต้นมาจากเมือง Saturnalia ในช่วงยุคโรมัน จนมาถึงช่วงปี 1843 ในเมืองลอนดอน เกิดการ์ดอวยพรคริสต์มาสสำหรับจำหน่ายครั้งแรกขึ้น ซึ่งผลิตขึ้นโดย Sir Henry Cole และมีข้อความอวยพรแบบดั้งเดิมว่า “wishing you a Merry Christmas and a Happy New Year”

อาหารในยามค่ำคืน

การเฉลิมฉลองในค่ำคืนของคริสต์มาสนั้นจะแตกต่างกันไปตามประเทศ และภูมิภาค เช่น ซิซิลี มีอาหารมื้อพิเศษในวันคริสต์มาสอีฟ โดยรับประทานปลาทั้งหมด 12 ชนิด ในอังกฤษและประเทศที่ได้รับอิทธิพลจากประเพณีอังกฤษ มื้อคริสต์มาสนี้จะทานไก่งวงหรือห่าน เนื้อสัตว์ เกรวี่ มันฝรั่ง ผัก และบางครั้งจะมีขนมปังและไซเดอร์ นอกจากนี้ก็ยังมีการเตรียมของหวานพิเศษ เช่น พุดดิ้งคริสต์มาส พายไส้เนื้อสัตว์และเค้กผลไม้

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *