‘ตรีนุช’ เร่งยกระดับการจัดการศึกษาให้แก่ผู้พิการทางสายตา — 10 มิถุนายน 2565

‘ตรีนุช’ เร่งยกระดับการจัดการศึกษาให้แก่ผู้พิการทางสายตา — 10 มิถุนายน 2565
‘ตรีนุช’ เร่งยกระดับการจัดการศึกษาให้แก่ผู้พิการทางสายตา — 10 มิถุนายน 2565

เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2565 นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้เป็นประธานเปิดการประชุมสัมมนา เรื่อง แนวทางการจัดการศึกษา สำหรับบุคคลที่มีความบกพร่องทางการเห็น ในศตวรรษที่ 21 ณ โรงเรียนสอนคนตาบอดกรุงเทพ โดยมีนายขรรค์ ประจวบเหมาะ ประธานกรรมการมูลนิธิช่วยคนตาบอดแห่งประเทศไทยในพระบรมราชินูปถัมภ์ กล่าวต้อนรับและ นางอรทัย ฐานะจาโร ประธานฝ่ายการศึกษา โรงเรียนสอนคนตาบอด กรุงเทพ รายงานการดำเนินงาน

.

ตรีนุช กล่าวว่า รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการศึกษาของคนพิการทุกประเภท โดยได้กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ ว่าผู้พิการต้องได้รับสิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาคทางด้านการศึกษา จากข้อมูลของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ล่าสุด พบว่า ประเทศไทยมีคนพิการทุกประเภท กว่า 2.1 ล้านคน ในจำนวนนี้มีผู้พิการทางการเห็น 186,701 คน ศธ.จึงมีนโยบายลดความเหลื่อมล้ำและให้ทุกคนได้รับการศึกษาสูงสุดเต็มตามศักยภาพ เพื่อให้สามารถดำรงชีวิตและประกอบอาชีพ พึ่งตนเองได้ซึ่งในส่วนของผู้พิการทางการเห็น หรือตาบอดนั้น เป็นกลุ่มที่จำเป็นต้องได้รับการดูแลช่วยเหลือโดยเร่งด่วนเป็นพิเศษ ในประเทศไทยมีผู้พิการเพียงไม่กี่พันคนที่ได้รับการศึกษา เนื่อจากมีข้อจำกัดของสถานที่เรียนในระบบ ซึ่งมีเพียง 16 แห่ง และในจำนวนนี้มีสถานศึกษาของรัฐ เพียง 2 แห่ง คือ ที่จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดสุราษฎร์ธานี

.

 “ดิฉันได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมกการการอาชีวศึกษา (สอศ.) และภาคเอกชน มาร่วมกันวางแผนจัดการศึกษาเพื่อให้คนพิการทุกประเภทได้เรียน โดยตอนนี้ได้จัดให้มีโครงการปักหมุดคนพิการทั่วประเทศ รวมถึงวางแผนการจัดการศึกษาที่ครอบคลุมคนพิการทุกประเภท ในทุก ๆ มิติ เช่น การเพิ่มโอกาสในการเข้าเรียน โดยการเพิ่มสถานศึกษาให้มากขึ้น,การผลิตและพัฒนาครู ความพิการเฉพาะด้าน,การพัฒนาสื่อ เทคโนโลยี ที่เหมาะสมกับคนพิการ เป็นต้น ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยความรู้และประสบการณ์ของภาคเอกชนที่ได้ดำเนินการมาอย่างจริงจังและต่อเนื่อง “ ..ตรีนุช กล่าว

.

..ตรีนุช กล่าวต่อว่า หลังการสัมมนาได้มีพีธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการจัดการศึกษาแก่บุคคลที่มีความบกพร่องทางการเห็นระหว่าง สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) กับ ผู้อำนวยการโรงเรียนสอนคนตาบอด 16 โรงเรียน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงการศึกษาด้านอาชีพและเพิ่มศักยภาพในการประกอบอาชีพให้แก่นักเรียนพิการทางการเห็น พัฒนา ส่งเสริม สนับสนุนในการยกระดับคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาสำหรับนักเรียนพิการทางการเห็น และสร้างเครือข่ายการทำงานร่วมกันด้านการศึกษาและพัฒนานักเรียนพิการทางการเห็นโดยองค์รวมที่เข้มแข็งและยั่งยืน

.

ด้านนายสุเทพ แก่งสันเทียะ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาจะดูแลประสานงานร่วมกันในการส่งต่อและรับนักเรียนพิการทางการเห็นเข้าเรียนในระดับอาชีวศึกษาทั้งการศึกษาในระบบ นอกระบบ และระบบทวิภาคี และส่งเสริม สนับสนุนร่วมมือในด้านวิชาการ ด้านคุณธรรม จริยธรรม ด้านสุขภาวะอนามัยและชีวิตความเป็นอยู่ของนักเรียนพิการทางการเห็นให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนร่วมมือกันในการสนับสนุนสื่อ อุปกรณ์ ครูและบุคลากรในการจัดการเรียนการสอน การแลกเปลี่ยนเรียนรู้และกิจกรรมอื่น ๆ

.

นายสุเทพ กล่าวต่อว่า สำหรับโรงเรียนที่จัดการศึกษาสำหรับนักเรียนพิการทางการเห็น ที่ทำความร่วมมือกันในครั้งนี้ รวมทั้งสิ้น 16 แห่ง ประกอบด้วย 1.โรงเรียนสอนคนตาบอดกรุงเทพ จังหวัดกรุงเทพฯ 2. โรงเรียนบ้านเด็กรามอินทรา จังหวัดกรุงเทพฯ 3. โรงเรียนการศึกษาคนตาบอดขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น 4.โรงเรียนการศึกษาคนตาบอดแม่สาย จังหวัดเชียงราย 5.โรงเรียนการศึกษาคนตาบอดนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา 6. โรงเรียนธรรมิกวิทยา จังหวัดเพชรบุรี 7. โรงเรียนการศึกษาเด็กตาบอดพิการซ้ำซ้อนชะอำ จังหวัดเพชรบุรี 8. โรงเรียนการศึกษาคนตาบอดร้อยเอ็ด จังหวัดร้อยเอ็ด 9. โรงเรียนการศึกษาคนตาบอดและคนตาบอดพิการซ้ำซ้อนลพบุรี จังหวัดลพบุรี 10. โรงเรียนการศึกษาคนตาบอดธรรมสากลหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา 11. โรงเรียนคนตาบอดพระมหาไถ่พัทยาในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จังหวัดชลบุรี 12. โรงเรียนสอนคนตาบอดสันติจินตนา จังหวัดแพร่ 13.โรงเรียนพัฒนาการศึกษาคนตาบอดและคนพิการลำปาง จังหวัดลำปาง 14. โรงเรียนสอนคนตาบอดภาคเหนือในพระบรมราชินูปถัมภ์ จังหวัดเชียงใหม่ 15. โรงเรียนสอนคนตาบอดภาคใต้ จังหวัดสุราษฎร์ธานี และ16. โรงเรียนสอนคนตาบอดมกุฎคีรีวัน (เขาใหญ่) จังหวัดนครราชสีมา ทั้งนี้ ความร่วมมือดังกล่าว มีระยะเวลา 5 ปี

.

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : มติชน

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *