“นายกฯ” ห่วง โครงการพาน้องกลับมาเรียน หยุดชะงัก! – 5 กรกฎาคม 2565

“นายกฯ” ห่วง โครงการพาน้องกลับมาเรียน หยุดชะงัก! - 5 กรกฎาคม 2565
“นายกฯ” ห่วง โครงการพาน้องกลับมาเรียน หยุดชะงัก! – 5 กรกฎาคม 2565

 

เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2565 ที่ผ่านมา นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เผย จาก“โครงการพาน้องกลับมาเรียน” ของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.)  ซึ่งเป็นโครงการเสริมสร้างโอกาสทางการศึกษาให้แก่เด็ก เยาวชน และประชาชนอย่างเต็มที่ ด้วยแนวคิดที่ว่า “การศึกษาไทยต้องไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” ผ่านการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานทั้งในและนอกสังกัด ศธ. ในการค้นหาและติดตามเด็กตกหล่นและออกกลางคันให้มีโอกาสกลับเข้าสู่ระบบการศึกษาอีกครั้ง โดยดำเนินโครงการนี้ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา

  • จำนวนนักเรียน นักศึกษา นักเรียนพิการ และผู้พิการ ที่ตกหล่นและออกกลางคัน : 121,642 คน
  • เป็นนักเรียน นักศึกษา กลุ่มปกติ ในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) และสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) : 67,129 คน
  • พบตัว : 52,760 คน
  • กลับเข้าระบบแล้ว : 31,446 คน
  • ไม่กลับเข้าระบบ : 21,314 คน
  • อยู่ระหว่างการติดตาม : 5,628 คน
  • ติดตามแล้วไม่พบตัว : 8,741 คน
  • ส่วนที่เหลือเป็นกลุ่มนักเรียนพิการ สังกัดสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ (สศศ.) สพฐ. และส่วนใหญ่เป็นกลุ่มนักศึกษา กศน.อายุเกิน 18 ปี ที่เกินวัยการศึกษาภาคบังคับและมีความต้องการประกอบอาชีพ

 

รมว.ศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า ทั้งนี้จากการดำเนินโครงการพาน้องกลับมาเรียนนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มีข้อเสนอแนะมายัง ศธ.ว่า อยากให้โครงการดังกล่าวมีความยั่งยืนและมีการขับเคลื่อนโครงการอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่เป็นโครงการที่จัดทำขึ้นแบบฉาบฉวยผ่านมาแล้วผ่านไป ดังนั้นตนจึงได้มอบโจทย์ให้หน่วยงานหลักในศธ.ที่เกี่ยวข้องไปจัดทำข้อมูลว่าจะดำเนินการอย่างไรให้โครงการนี้มีความยั่งยืนและต่อเนื่อง หรือจะนำภาคเอกชนเข้ามามีส่วนช่วยสนับสนุนในโครงการนี้ได้อย่างไรบ้าง ขณะเดียวกันจากการสำรวจเด็กที่หลุดจากระบบการศึกษาส่วนใหญ่มาจากสภาวะทางการเงินของครอบครัวส่งผลให้ไม่ได้ศึกษาต่อหรือต้องหยุดเรียน ดังนั้นอาจจะมีการจัดตั้งกองทุนพาน้องกลับมาเรียนเกิดขึ้น เพื่อเข้ามาช่วยสนับสนุนเด็กที่มีครอบครัวฐานะยากจนด้วย

 

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : เดลินิวส์

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *