“HIDA รุ่นที่ 2” เดินหน้าใช้ 3 ศาสตร์ผสมผสาน ส่งเสริมการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม

HIDAรุ่นที่ 2 เดินหน้าสนับสนุนและส่งเสริม การดูแลสุขภาพแบบองค์รวม โดยใช้ 3 ศาสตร์ผสมผสาน ใช้การบริหารร่างกายแบบดุลยภาพบำบัด แพทย์แผนไทย และ แพทย์แผนจีน เพื่อส่งเสริมให้สุขภาพแข็งแรงและลดการใช้ยา

ปัจจุบันผู้คนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับการมีสุขภาพดี โดยการมีสุขภาพที่ดีควรเริ่มให้ความสำคัญตั้งแต่พื้นฐานการส่งเสริมสุขภาพ  เช่น การรับประทานอาหารและเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ การออกกำลังกาย การฝึกทำสมาธิ และการป้องกันปัญหาสุขภาพ ซึ่งเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อลดความเสี่ยงหรือโอกาสในการเกิดโรค

การอบรมหลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิตนวัตกรรมการจัดการสุขภาพยุคดิจิทัล หรือ HIDA รุ่นที่ 2  จัดขึ้น ณ โรงแรมชาเทรียม ริเวอร์ไซค์ ได้ให้ผู้เข้าอบรมร่วมกิจกรรมฝึกภาคปฏิบัติการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม โดยใช้หลักการบริหารร่างกาย 3 ศาสตร์ เพื่อส่งเสริมให้สุขภาพแข็งแรงและลดการใช้ยา

โดยศาสตร์แรกคือ การบริหารร่างกายแบบดุลยภาพบำบัด โดย พ.อ.(ญ)ผศ.ดร.ดังใจ สุวรรณกิตติ ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์ดุลยภาพบำบัด กล่าวว่า หลักการบริหารร่างกายร่างกายแบบดุลยภาพบำบัด เป็นวิธีการป้องกันบำบัดรักษาโรคและบำรุงสุขภาพ ด้วยการปรับความสมดุลโครงสร้างของร่างกาย ปรับโครงสร้างด้วยกล้ามเนื้อ  ตั้งแต่ศรีษะถึงปลายเท้า ดุลยภาพบำบัดจึงเป็นกระบวนทัศน์ใหม่ด้านสุขภาพและการแพทย์ที่ประยุกต์ใช้ความรู้พื้นฐานทางกายวิภาคและสรีรวิทยา อย่างละเอียดถี่ถ้วน เพื่อป้องกันและรักษาโรคด้วยตนเอง

ทั้งนี้ วิธีการบริหารร่างกายแบบดุลยภาพบำบัด เริ่มจากการสังเกตสรีระของร่างกาย ใบหน้า คิ้ว ตา จมูก ปาก ไหล่ บ่า หลัง สะโพก ซึ่งเป็นการสำรวจร่างกายของตัวเราเอง จากนั้นใช้การบริหารร่างกายยึด เหยียด เพื่อเพื่อเป็นการปรับพื้นฐานโครงสร้างร่างกาย เพิ่มประสิทธิภาพให้กับกล้ามเนื้อของร่างกายให้มีความสมดุลและแข็งแรง

ดร.พทป.นรินทร์ กากะทุม ผู้เชี่ยวชาญด้านศาสตร์แพทย์แผนไทย กล่าวถึง ศาสตร์บริหารร่างกายแบบแผนไทย ว่า เป็นศาสตร์ที่ช่วยดูแลสุขภาพ โดยใช้ท่าฤาษีดัดตน 108 ท่า ซึ่งได้นำความรู้มาจากประเทศอินเดีย ยุโรป และจีน และนำมาประยุกต์ใช้รักษาผู้ป่วย หรือ ผู้ที่ต้องการปรับสมดุลของร่างกาย หรือ แก้อาการ เช่น ออฟฟิศซินโดรม ปวดไหล่ ปวดคอ นอนไม่หลับ สายตาพร่ามัว และศาสตร์บริหารร่างกายแบบแผนจีน โดย อ.อาภาภรณ์ พุฒเอก ผู้เชี่ยวชาญด้านศาสตร์แพทย์แผนจีน กล่าวว่า เป็นการออกกำลังกายเป็นการกระตุ้นการทำงานของอวัยวะตันทั้งห้า ประกอบด้วย ม้าม ตับ ไต หัวใจ และ ปอด โดยใช้การบริหารร่างกายทั้ง  8 ท่า ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด เพิ่มความแข็งแรงของกระบังลมและกล้ามเนื้อหน้าท้อง เสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและข้อต่อ รักษารูปร่างป้องกันการเกิดโรคอ้วน เพิ่มการเผาผลาญไขมัน


.

​​​​​​​

ทั้งนี้ ในช่วงที่เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน ได้นำการฝึกบริหารร่างกายแบบแผนจีน มาใช้ฟื้นฟูดูแลร่างกายผู้ป่วยที่เป็นโรคโควิด-19 เพื่อให้ระบบการไหลเวียนต่างๆในร่างกายดีขึ้น ทั้ง ระบบการหายใจ ระบบการหมุนเวียนของเลือด

ดร.สมชาย อัศวเศรณี ประธานโครงการหลักสูตรHIDA และประธานกรรมการส่งเสริมกิจการมหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา กล่าวว่า การอบรมหลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิตนวัตกรรมการจัดการสุขภาพยุคดิจิทัล หรือ HIDA รุ่นที่ 2  จัดขึ้นโดยมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา มุ่งเน้นศึกษาศาสตร์การดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ ผู้เข้ารับการอบรมจะได้รับองค์ความรู้ที่ทันสมัยเสริมสร้างทักษะ ความรู้ความเข้าใจด้านการจัดการสุขภาพที่ดีของตนเอง และ ครอบครัว และบุคลากรในองค์กร และ สามารถนำองค์ความรู้ที่ได้ไปก่อให้เกิดประโยชน์ในชีวิตประจำวันที่เกี่ยวกับสุขภาพ  รวมถึง ระบบบริการด้านสุขภาพ ให้สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน สำหรับหลักสูตรประกาศนียบัตรนวัตกรรมการจัดการสุขภาพยุคดิจิทัล หรือ HIDAรุ่นที่ 2 มีระยะเวลาการอบรม 8 เดือน ตั้งแต่เดือนกันยายน 2565 ถึง เดือนเมษายน 2566 โดยมีผู้บริหารระดับสูงจากหน่วยงานภาครัฐ และเอกชน จำนวน 100 คนเข้าร่วมอบรม.

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *