“สมศ.” จัดประชุมวิชาการพร้อมเดินหน้าสู่ปีที่ 23 วางกลยุทธ์ขับเคลื่อนสู่องค์กรอัจฉริยะรับกระแสโลกดิจิทัล

 

 

เมื่อ วัน 20 เมษายน 2566 ที่ผ่านทาง Eduzones ได้เข้าร้วมงาน “สมศ.” จัดประชุมวิชาการพร้อมเดินหน้าสู่ปีที่ 23 วางกลยุทธ์ขับเคลื่อนสู่องค์กรอัจฉริยะรับกระแสโลกดิจิทัล ภายใต้หัวข้อ “2 ทศวรรษแห่งการส่งเสริมและยกระดับคุณภาพการศึกษา” เสวนาแลกเปลี่ยนมุมมองยกระดับคุณภาพการศึกษาไทย มอบใบประกาศเกียรติคุณให้กับสถานศึกษา และผู้ประเมินภายนอก พร้อมประกาศเป้าหมายการประเมินคุณภาพภายนอกในอนาคต วางกลยุทธ์ขับเคลื่อน สมศ. สู่องค์กรอัจฉริยะที่มีความพร้อมในโลกดิจิทัล ด้วยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในกระบวนการทำงานขององค์กร และทุกขั้นตอนการประเมินคุณภาพภายนอก รองรับความก้าวหน้าและการพัฒนาระบบการศึกษาในอนาคต

 

 

ดร.คุณหญิง กัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวในฐานะประธานเปิดการประชุมวิชาการระดับชาติ “2 ทศวรรษแห่งการส่งเสริมและยกระดับคุณภาพการศึกษา” จัดโดย สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) เนื่องในโอกาสก้าวสู่ปีที่ 23 ว่า กระทรวงศึกษาธิการตระหนักถึงความสำคัญของการจัดการศึกษาและได้มุ่งปรับปรุงและพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นอย่างหลากหลาย อาทิ ปัญหาคุณภาพผู้เรียน ปัญหาการพัฒนาครู อาจารย์และบุคลากรทางการศึกษาทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพ การปรับเปลี่ยนกระบวนการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับนวัตกรรมทางการศึกษา การเข้าถึงสื่อและเทคโนโลยีทางการศึกษา ปัญหาด้านความร่วมมือและการใช้ทรัพยากรร่วมกันทั้งภาคการศึกษาและภาคธุรกิจเอกชนเพื่อการศึกษาอบรมและการวิจัย สำหรับด้านการวัดและประเมินผลนั้น ถือเป็นภารกิจหลักที่สำคัญและจำเป็นของทุกองค์กร ต้องมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่องและจริงจัง และต้องมีการประเมินผลโดยองค์กรภายนอกด้วยเพื่อให้ผลการประเมินเป็นที่ยอมรับและน่าเชื่อถือ การประเมินคุณภาพภายนอกเพื่อตรวจสอบคุณภาพของสถานศึกษา จึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก ต้องมีการพัฒนาระบบและกระบวนการประเมินคุณภาพภายนอกเพื่อให้การตรวจสอบคุณภาพสถานศึกษามีผลสัมฤทธิ์อย่างแท้จริง ผลการประเมินตรงตามสภาพความเป็นจริง  สถานศึกษาและต้นสังกัดนำผลการประเมินไปปรับปรุง พัฒนาและยกระดับคุณภาพการศึกษาอย่างต่อเนื่องและจริงจัง

 

ขอแสดงความยินดีที่ สมศ. มีการพัฒนารูปแบบและหลักเกณฑ์ในการประเมินที่สอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา และบริบทของสถานศึกษาในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาและในปีนี้ทาง สมศ. กำลังพัฒนาและจะประกาศใช้ระบบการประเมินคุณภาพภายนอกหลังสถานการณ์โควิด-19 โดยปรับรูปแบบการประเมินเป็นแบบ Hybrid ที่มีการผสมผสานระหว่างการประเมิน Onsite และการประเมิน Online ซึ่งที่ผ่านมาในช่วงสถานการณ์โควิด-19 สมศ. สามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งการลงพื้นที่จะทำให้มีการ ตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อให้ผู้ประเมินเห็นสภาพจริงและมีความแม่นยำของผลการประเมินที่เพิ่มขึ้นด้วย และเน้นย้ำหลักการ “ขอให้สร้างความรู้สึกที่ดีให้กับสถานศึกษา ให้การประเมินเป็นไปอย่างกัลยาณมิตร อย่าให้สถานศึกษารู้สึกว่าถูกจับผิด แต่ให้เป็นลักษณะของการแนะนำ ส่งเสริม ช่วยเหลือกันและกันด้วยความเต็มใจ ให้สถานศึกษารู้สึกว่าการประเมินของ สมศ. เป็นไปเพื่อการพัฒนาคุณภาพของสถานศึกษา ภายใต้หลักการ กัลยาณมิตร คุณภาพ จริยธรรม คุณธรรม”

 

 

 

ทางด้าน ศ.ดร.สมคิด เลิศไพฑูรย์ รักษาการประธานกรรมการ สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) ได้กล่าวว่า ปัจจุบัน สมศ. ได้ดำเนินงานประเมินคุณภาพภายนอกมาครบ 22 ปี โดยตระหนักถึงความเปลี่ยนแปลงของโลกที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงได้มีการปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงานให้สอดรับกับการพัฒนาเพื่อมุ่งสู่องค์กรดิจิทัล เพื่อให้เป็นการประเมินอย่างมีมาตรฐาน ลดภาระงานด้วยเทคโนโลยี และส่งเสริมการมีส่วนร่วมในทุกภาคส่วน ด้วยการนำเอาแพลตฟอร์มออนไลน์ เข้ามาใช้ในการบริหารจัดการเรื่องต่างๆ ตามภารกิจขององค์กรให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น การอบรมพัฒนาผู้ประเมินภายนอกแบบออนไลน์ การจัดประชุมเสวนาออนไลน์เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับแนวทางการประเมินคุณภาพภายนอกและการดำเนินงานของ สมศ. ให้กับสถานศึกษา และหน่วยงานต้นสังกัดได้รับทราบผ่านช่องทาง Facebook Live รวมทั้งการพัฒนารูปแบบการประเมินคุณภาพภายนอกภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019

 

 

 

ขณะนี้ สมศ. ได้พัฒนากรอบแนวทางการประกันคุณภาพภายนอกสถานศึกษา (ภายหลังสถานการณ์โควิด-19) โดยมีการลงพื้นที่จัดการประชุมรับฟังความคิดเห็นกรอบแนวทางการประกันคุณภาพภายนอกสถานศึกษา ทั่วประเทศ จำนวน 4 ภูมิภาค แล้วเสร็จเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับปรุงแก้ไขก่อนการประกาศใช้กรอบแนวทางการประกันคุณภาพภายนอกสถานศึกษา โดยได้พัฒนาระบบการประเมินคุณภาพภายนอกเป็นการประเมินแบบ Hybrid ผสมผสานระหว่างการประเมินในพื้นที่และการประเมิน Online เพื่อลดภาระสถานศึกษาและให้สอดคล้องกับบริบทที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน รวมทั้งเป็นการกระตุ้นให้การดำเนินการประกันคุณภาพการศึกษาเป็นไปอย่างมีคุณภาพ และเกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

 

ดังนั้น การจัดการประชุมวิชาการระดับชาติ เนื่องในโอกาสก้าวสู่ปีที่ 23 สมศ. “2 ทศวรรษแห่งการส่งเสริมและยกระดับคุณภาพการศึกษา” มีเป้าหมายเพื่อสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับการดำเนินงานของ สมศ. จากอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ต่อสถานศึกษาและสาธารณชน พร้อมกับเติมเต็มความเชื่อมั่นและภาพลักษณ์องค์กรต่อสังคม โดย สมศ. มีเป้าหมายการประเมินคุณภาพภายนอก และวางกลยุทธ์การขับเคลื่อนองค์กรในอนาคตให้พร้อมเป็นองค์กรอัจฉริยะ เพื่อก้าวสู่การเป็นองค์กรดิจิทัลที่มีความพร้อม ด้วยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในกระบวนการทำงานขององค์กร และทุกขั้นตอนการประเมินคุณภาพภายนอก เพื่อรองรับความก้าวหน้าและการพัฒนาระบบทางการศึกษาในอนาคต

และ สมศ. เปิดนโยบายการประเมินคุณภาพภายนอกภายหลังสถานการณ์โควิด-19 ในการประชุมวิชาการระดับชาติ เนื่องในโอกาสก้าวสู่ปีที่ 23 สมศ. “2 ทศวรรษแห่งการส่งเสริมและยกระดับคุณภาพการศึกษา” ประจำปี พ.ศ. 2566 พร้อมเดินเครื่องจัดทำแนวทางพัฒนาระบบการประเมินคุณภาพภายนอก ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 แบ่งการดำเนินงาน 4 ไตรมาส เน้นนำระบบเทคโนโลยีใช้สนับสนุนการประเมินตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการ ตลอดจนการนำข้อมูลสารสนเทศไปใช้ในการบริหารจัดการ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ พร้อมสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานต้นสังกัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อลดภาระของสถานศึกษาให้มากที่สุด

 

 

ดร.นันทา หงวนตัด รักษาการผู้อำนวยการ สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) กล่าวในการประชุมวิชาการระดับชาติ “2 ทศวรรษแห่งการส่งเสริมและยกระดับคุณภาพการศึกษา” ประจำปี พ.ศ. 2566 เนื่องในโอกาสก้าวสู่ปีที่ 23 สมศ.ฯ โดยเป็นการบรรยายในหัวข้อ “แนวคิดและทิศทางการประเมินคุณภาพภายนอกภายหลังสถานการณ์โควิด-19” ว่า ตั้งแต่ช่วงเดือน ต.ค. 2564 ที่ผ่านมา สมศ. ได้เริ่มพัฒนากรอบแนวทางการประกันคุณภาพภายนอก โดยได้จัดประชุมเพื่อรับฟังความคิดเห็นหน่วยงานต้นสังกัดสถานศึกษาการศึกษาปฐมวัย ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ด้านการอาชีวศึกษา และการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) ลงพื้นที่รับฟังความคิดเห็นใน 4 ภูมิภาค หลังจากนั้นได้เสนอกรอบแนวทางการประกันคุณภาพภายนอกต่อคณะกรรมการพัฒนาระบบฯ และคณะกรรมการ สมศ. เพื่อประกาศกรอบแนวทางการประกันคุณภาพภายนอกต่อไป

 

สำหรับในปีนี้ สมศ.ได้จัดทำแนวทางในการพัฒนาระบบการประเมินคุณภาพภายนอก ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 โดยแบ่งการดำเนินงานเป็น 4 ไตรมาส ได้แก่

ไตรมาสที่ 1 ดำเนินการปรับปรุงเครื่องมือการประเมินคุณภาพภายนอก

  • 1 การศึกษาปฐมวัย
  • 2 ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน
  • 3 ด้านการอาชีวศึกษา
  • 4 การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) พร้อมกำหนดวิธีการประเมินคุณภาพภายนอก

ไตรมาสที่ 2 รับฟังความคิดเห็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Stakeholder)

  • 1) การศึกษาปฐมวัย
  • 2) ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน
  • 3) ด้านการอาชีวศึกษา
  • 4) การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) พร้อมประกาศกรอบแนวทางการประกันคุณภาพภายนอกใหม่สำหรับปี พ.ศ. 2567

ไตรมาสที่ 3 พัฒนาระบบการคัดเลือกและสรรหาผู้ประเมินภายนอก ฝึกอบรมและพัฒนาผู้ประเมินภายนอก ทดลองประเมินนำร่อง KM/PLC ผู้ประเมินภายนอก ทดลองประเมินนำร่อง

  • 1) การศึกษาปฐมวัย
  • 2) ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน
  • 3) ด้านการอาชีวศึกษา
  • 4) การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.)

ไตรมาสที่ 4 ทดลองประเมินนำร่อง

  • 1) การศึกษาปฐมวัย
  • 2) ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน
  • 3) ด้านการอาชีวศึกษา
  • 4) การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) และจัดทำรายงานสรุปผลเสนอต่อคณะกรรมการ สมศ.

“สำหรับแนวทางในการประเมินคุณภาพภายนอก ปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 สมศ. ยังคงให้ความสำคัญกับการประเมินคุณภาพภายนอกเพื่อพัฒนาการยกระดับคุณภาพ (Quality Improvement) โดยกำหนดวิธีการประเมินคุณภาพภายนอกที่เหมาะสมสอดคล้องกับบริบทของสถานศึกษา (วิธีการ (online/onsite) และจำนวนวันประเมิน (1-3 วัน) แตกต่างกันตามบริบทสถานศึกษา นอกจากนี้ยังมุ่งเน้นการนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้สนับสนุนการประเมินตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการ ตลอดจนการนำข้อมูลสารสนเทศไปใช้ในการบริหารจัดการ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ พร้อมสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานต้นสังกัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อลดภาระของสถานศึกษาให้มากที่สุด”

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *