ย้อนดูนโยบายการศึกษา พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย

ในการรายงานผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการเลือกตั้ง 2566 พรรคการเมืองที่มีจำนวนสส.มาเป็นอันดับหนึ่งและสอง คือ พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย Eduzones พามาย้อนดูนโยบายการศึกษาที่ทั้งสองพรรคได้เสนอนโยบายบายอะไรกันไว้บ้าง

พรรคก้าวไกล

นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ผู้จัดการการสื่อสารและการรณรงค์นโยบาย พรรคก้าวไกล กล่าวในดีเบตหลุมดำการศึกษาไทย จากช่อง PPTVHD36 ถึงปัญหาการศึกษาที่ผ่านมาว่าขาดประสิทธิภาพ เด็กไทยเรียนหนักแต่หลักสูตรไม่มีประสิทธิภาพที่จะแปรความขยันเรียนเป็นทักษะที่แข่งขันกับนานาชาติได้ ไม่สามารถแปรงบประมาณออกเป็นการวางหลักการสิทธิในการเรียนฟรีได้ ต้องมีการเพิ่มความเห็นอกเห็นใจเปลี่ยนการศึกษาจากแบบอำนาจนิยมที่มองว่าเด็กที่ดีควรเป็นอย่างไร เป็นการสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้มีเสรีภาพทางการเรียนรู้ เติบโตได้อย่างเต็มศักยภาพ โอบรับความหลากหลายของผู้เรียน

รวมนโยบายการศึกษาของพรรคก้าวไกล ได้แก่

  1. โรงเรียนเป็นที่ปลอดภัยไร้อำนาจนิยมภายใน 2 ปี กฎระเบียบของโรงเรียนต้องไม่ขัดหลักสิทธิมนุษยชน ยกเลิกกฎระเบียบเรื่องทรงผม ยกเลิกกฎระเบียบที่เปิดช่องให้มีการลงโทษหรือใช้ความรุนแรงกับผู้เรียน พักใบประกอบวิชาชีพบุคคลากรที่มีส่วนละเมิดสิทธิมนุษยชนนักเรียนแทนการย้ายไปโรงเรียนอื่น
  2. จัดให้มีการประเมินทั้งครูและผู้บริหารโรงเรียน นักเรียนมีส่วนร่วมในการประเมินครูมีความยึดโยงกับผลสัมฤทธิ์และความพึงพอใจของนักเรียนในฐานะผู้รับบริการการศึกษา ครูมีส่วนร่วมในการประเมินผู้บริหารโรงเรียน เพื่อให้ผู้บริหารถูกประเมินจากข้อมูลที่รอบด้าน และป้องกันการใช้อำนาจในทางที่ไม่ชอบกับครู
  3. แก้งบประมาณ จัดสรรทรัพยากรในการจัดการศึกษาที่มีคุณภาพ เพิ่มงบประมาณ 33,000 ล้านบาท 4,000 ล้านบาทไปที่กสศ. 29,000 ล้านบาท เพิ่มงบประมาณรายหัวในส่วนค่าอาหารฟรี เรียนฟรี มีรถรับส่ง ให้กับเด็กทุกคนกระจายงบให้กับโรงเรียนขนาดเล็กอย่างเป็นธรรมมากขึ้น ปรับสูตรคำนวณไม่ได้พึ่งแค่จำนวนนักเรียนเป็นหลัก
  4. คืนครูให้กับนักเรียนภายใน 100 วัน ยกเลิกกิจกรรมต่าง ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เช่น การนอนเวร งานธุรการ จัดจ้างเจ้าหน้าที่ธุรการมาทำหน้าที่แทน ยกเลิกพิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับการประเมิน
  5. เปลี่ยนงบประมาณการอบรมครูจากส่วนกลาง เป็นการให้เงินตรงไปที่ ครูแต่ละคนใช้ซื้อคอร์สอบรมพัฒนาทักษะที่ได้รับการรับรองจากกระทรวงศึกษาธิการ หรือโรงเรียนใช้ในการจัดอบรมเพื่อเพิ่มทักษะการสอนของครูในระดับโรงเรียน
  6. โครงการคูปองเปิดโลก 1,000 – 2,000 บาทต่อปี ใช้ในการเรียนรู้นอกห้องเรียนสำหรับเด็กอายุ 7-18 ปี ชั้นประถมศึกษา มัธยมศึกษา อุดมศึกษา ใช้งบประมาณ 11,000 ล้านบาทจากการยกเลิกการเกณฑ์ทหารภายใน 1 ปี คืนเสรีภาพและการประกอบอาชีพให้กับประชาชน
  7. สนับสนุนการเรียนฟรีในระดับอาชีวศึกษา ปวช. และ ปวส. เปิดโอกาสเรียนในสายอาชีพ นำไปสู่ความต้องการของตลาดแรงงานทั้งในปัจจุบันและอนาคต
  8. แก้ไขหลักสูตรภายใน 1 ปี และค่อยๆ ปรับใช้ทุกระดับภายใน 4 ปี ลดวิชาบังคับ เพิ่มวิชาทางเลือก ในชั้นประถม-มัธยมต้น ออกแบบหลักสูตรทางการศึกษาหลักสูตรที่เน้นทักษะสมรรถนะที่ที่จำเป็นสำหรับการประกอบอาชีพและการใช้ชีวิต ปรับรูปแบบการเรียนการสอนแนะแนวเน้นการเชื่อมกับโลกภายนอก
  9. ลดจำนวนชั่วโมงเรียน 1,200 ชั่วโมงต่อปี เหลือ 800 – 1,000 ชั่วโมงต่อปี เพื่อให้ได้มีเวลาทำกิจกรรมนอกห้องเรียนและพักผ่อนมากขึ้น
  10. ปรับทิศทางหลักสูตร-การสอน-การประเมินวิชาภาษาอังกฤษ เน้นการสื่อสารหรือการใช้ภาษาเป็นหลัก มากกว่าเน้นเพียงหลักภาษาและไวยากรณ์ ตั้งเป้าให้ทุกโรงเรียนสอนเป็น 2 ภาษา ภายใน 4 ปี โดยการทยอยเพิ่มสัดส่วนวิชาและกิจกรรมในโรงเรียนที่สอนเป็นภาษาอังกฤษ
  11. กำหนดไม่ให้ออกข้อสอบที่วัดเนื้อหาเกินหลักสูตร เปิดเผยข้อสอบและเฉลยข้อสอบย้อนหลัง เพื่อยกระดับคุณภาพการสอบ เปิดให้เกิดการตรวจสอบความถูกต้องเหมาะสมของคำถาม/คำตอบ สามารถเข้าไปใช้ฝึกฝนได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ปรับอัตราค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการสอบเข้ามหาวิทยาลัยของ TCAS เป็นการจ่ายแบบอัตราเดียว (flat rate) ไม่เกิน 500 บาท สำหรับทุกบริการที่เป็นค่าใช้จ่ายของ ทปอ.
  12. กระจายอำนาจทางการศึกษา นอกจากโรงเรียนมีการกระจายให้กับผู้เรียนโดยตรงด้วย คณะกรรมการสถานศึกษาต้องมีตัวแทนจากนักเรียนที่มาจากการเลือกตั้ง ตั้งสภาให้เยาชนให้นักเรียนเลือกผู้แทนไปเป็นตัวแทนในสภาเยาวชนแล้วเสนอกฎหมายไปที่สภาผู้แทนราษฎรได้ด้วย

 

พรรคเพื่อไทย

ด้านพรรคเพื่อไทย โดย ดร.ณหทัย ทิวไผ่งาม กรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย มีความตั้งใจที่จะเปลี่ยนการศึกษาให้เป็นการเรียนรู้ตลอดชีวิต ต้องใช้เทคโนโลยีเข้ามาส่วนช่วยให้คนไทยทุกคนเข้าถึงการศึกษาได้ตลอดเวลาไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน

รวมนโยบายการศึกษาของพรรคเพื่อไทย ได้แก่

  1. ส่งเสริมการเรียนรู้ผ่านขั้นตอน Learn to Earn เพื่อเรียนรู้มีรายได้ตลอดชีวิต ทุกคนสามารถเข้าถึงการเรียนรู้ได้ทุกช่วงทุกวัย สามารถโอนหน่วยกิตที่สะสมไว้ หางานได้ในทุกช่วงของชีวิต
  2. แพลตฟอร์มเชื่อมโยงกับหลักสูตรในมหาวิทยาลัยทั้งหมด เดิมทีทุกกระทรวงมีการเปิดหลักสูตรที่จัดการศึกษาแต่ว่าไม่มีการนำมารวมกัน ต้องมีธนาคารหน่วยกิตแห่งชาติ ไม่ได้เชื่อมเฉพาะระดับอุดมศึกษาแต่ต้องเชื่อมตั้งแต่อุดมศึกษา สถาบันอาชีวศึกษา กลุ่มโรงเรียน ไม่ว่าจะเป็นในระบบ นอกระบบ ตามอัธยาศัย
  3. Free tablet for all 1 นักเรียน 1 แท็บเล็ต และ โครงการ 1 ครู 1 แท็บเล็ต เพื่อเปิดโอกาสทางการศึกษาผ่านออนไลน์ สร้างบทเรียนที่กระตุ้นการเรียนรู้ ใช้แอปพลิเคชันช่วยการสอน มีระบบร่นระยะเวลาบูรณาการให้ครูเหลือภาระงานให้น้อยที่สุด ให้กลับไปสู่ห้องเรียนให้ได้มากที่สุด นำครูที่เกินอัตราให้โรงเรียนใหญ่ส่งผ่านไปทางโรงเรียนขนาดเล็กและโรงเรียนที่ขาดแคลนผ่าน tablet
  4. จบปริญญาตรีอายุ 18 ปรับระบบการศึกษาจาก 6-6-4 ไปสู่ระบบการศึกษาที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้นเพื่อสนับสนุนคนเข้าตลาดแรงงานเร็วขึ้น
  5. โครงการ 1 อำเภอ 1 ทุน(ODOS) เรียนฟรีที่ฟรีจริง เพิ่มงบอาหารกลางวันและบริการรถรับส่งนักเรียนฟรี เรียนอาชีวะฟรีจริงสถานอาชีวะเป็นศูนย์สร้างสรรค์สร้างตัวได้
  6. โรงเรียน 2 ภาษาในทุกท้องถิ่นสอนภาษาต่างประเทศ เช่น ภาษาอังกฤษและภาษาจีน ตั้งแต่ ป.1 ใช้ครูต่างประเทศสอนเสริมร่วมกับครูไทย ทั้งในห้องเรียนและออนไลน์
  7. มีศูนย์การเรียนรู้แบบ ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ (TCDC) และ อุทยานการเรียนรู้ TK park ให้ครบทุกจังหวัด
  8. แก้ปัญหาเรื่องปากท้อง เปลี่ยนการศึกษาให้สร้างรายได้ใหม่ มีแพลตฟอร์มเชื่อมการเรียนเพื่อสร้างรายได้ให้สูงขึ้น และเติมเงินให้ครอบครัวละ 20,000 บาท กระตุ้นเศรษฐกิจผ่านดิจิทัลวอเลตภายใน 4 กิโลเมตร นำไปใช้ในแพลตฟอร์มในการเรียนรู้ได้ฟรีตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไป มี big data จับคู่ทักษะของแต่ละคนให้เข้ากับงาน ในอนาคตจะถูกเชื่อมเข้าไปเป็นคูปองในการเรียนรู้ตลอดชีวิตได้

 

ย้อนชมการดีเบตด้านการศึกษาจาก PPTVHD36
สรุปนโยบายการศึกษาจาก 6 พรรคการเมือง จากเวทีดีเบตหลุมดำการศึกษาไทย

 

ที่มานโยบาย
นโยบายการศึกษา – พรรคเพื่อไทย
เสาหลักนโยบายที่ 5: “ต้องก้าวไกล การศึกษาไทยก้าวหน้า”

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *