พระอาจารย์ชยสาโร วิเคราะห์ปัญหาการศึกษาไทย ทำไมตามหลังตะวันตกตลอด

พระอาจารย์ชยสาโร วิเคราะห์ปัญหาการศึกษาไทย ทำไมตามหลังตะวันตกตลอด
พระอาจารย์ชยสาโร วิเคราะห์ปัญหาการศึกษาไทย ทำไมตามหลังตะวันตกตลอด

พระอาจารย์ชยสาโร วิเคราะห์ปัญหาการศึกษาไทย ทำไมตามหลังตะวันตกตลอด

.

พระอาจารย์ชยสาโร ได้วิเคราะห์ ปัญหาการศึกษาในเมืองไทย ว่า คนที่มีฐานะดีมาก จะส่งลูกไปเรียนเมืองนอก ถ้าฐานะปานกลางก็ส่งลูกไปโรงเรียนคริสต์ จบแล้วก็ไปเรียนมหาวิทยาลัยในต่างประเทศ ก็แปลว่า ชนชั้นนำของเมืองไทย ปัญญาชนเติบโตโดยเข้าใจหลักพุทธศาสนาน้อยมาก คำสั่งสอนเพื่อพัฒนาตนหรือสังคมแทบจะไม่รู้จักเลย อาตมาว่าเป็นสิ่งที่น่าเสียดาย และไม่น่าเป็นไปได้

.

ปัจจุบัน ในอังกฤษได้เพิ่มหลักสูตรการเรียนรู้เรื่องความฉลาดในเรื่องพฤติกรรม ความสามารถในการปรับตัวอยู่กับชุมชน การควบคุมบริหารอารมณ์ตัวเอง ในเมืองนอกตอบรับเรื่องพวกนี้ หลายโรงเรียนมีคอร์สสอนเรื่องสติ การรู้จักตัวเอง เพื่อให้อยู่ในปัจจุบันขณะ เราอยู่ในยุคที่ทางตะวันตกกำลังสำนึกถึงความบกพร่องในระบบการศึกษา ซึ่งวิธีการแก้ปัญหาชีวิตมีอยู่ในพุทธศาสนา

.

ถ้าหากมีการพัฒนาการศึกษาตามแนวพุทธิปัญญา เมืองไทยก็เป็นผู้นำเรื่องนี้ แต่คนยังขาดความรู้และความศรัทธาในภูมิปัญญาตัวเอง กลับไปยกย่องตะวันตก แทนที่จะเป็นผู้นำก็เป็นผู้ตามตลอด ถ้าเข้าใจการพัฒนาจิตใจ พฤติกรรม และการอยู่ในสังคม ต้องทำแบบองค์รวม ไม่ใช่การศึกษาแยกส่วน มีเด็กฉลาดๆ ติดยา ติดเกม เยอะมาก ซึ่งเรื่องเหล่านี้ไม่ได้ขึ้นกับความฉลาด

.

เราอยู่ในยุคที่หวังว่า ถ้าคนมีการศึกษาที่ดี ประเทศชาติก็เจริญ มันเป็นความเชื่องมงาย โดยถือว่า การศึกษาวัดด้วยปริญญาบัตร ถ้าจะแก้ปัญหาคอรัปชั่น ก็บังคับกันว่าคนต้องมีการศึกษาจบปริญญาตรี ปริญญาโท แล้วมันจะมีผลอะไร คนส่วนใหญ่เข้าใจเปลือกพุทธศาสนามากกว่าหัวใจพุทธศาสนา คำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นระบบการศึกษาที่สมบูรณ์บริบูรณ์ที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษย์

.

แล้วความฉลาด คืออะไร เครื่องวัดความฉลาดที่แน่นอนที่สุด ก็คือ ศีล 5 เพราะคนเราต้องการสุข ไม่ต้องการทุกข์ กฎแห่งกรรมมีจริง การผิดศีล คือ การสร้างความทุกข์ ความเดือดร้อนให้ชีวิตเราในระยะยาว เพราะฉะนั้น คนฉลาดจริงๆ ไม่มีทางผิดศีล 5 นี่คือ แง่มุมหนึ่งที่ว่า ความฉลาดอยู่ตรงไหน

.

ทุกวันนี้เรารู้ว่า คนฉลาด ไอคิวสูง แล้วมีผลดีต่อสังคมตรงไหน แต่ถ้าทำให้สังคมเสียหาย ฉลาดในการเอารัดเอาเปรียบ แสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว เราไม่อยากให้เกียรติว่า คนที่ทำแบบนี้เป็นปัญญาชน ถ้าใช้ไอคิวเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ตนและครอบครัว และสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น อาตมาไม่ยอมรับว่า เป็นพฤติกรรมของปัญญาชน เพราะฉะนั้น เราใช้คำว่า ปัญญาชนง่ายเกินไป

.

คนที่ไม่ศึกษาศีล สมาธิ ปัญญา ก็จะบอกว่า แล้วเกี่ยวอะไรกับการศึกษา ฟังๆ แล้วมันเกี่ยวกับพระมากเกินไป ที่อาตมานำไปใช้ในโรงเรียนมีการภาวนา 4 ข้อ เนื้อหาเหมือนไตรสิกขา เพราะการภาวนาไม่ได้หมายความว่า นั่งหลับตา ความหมายเดิมแปลว่าพัฒนา ดังนั้น 1.เน้นการพัฒนาความสัมพันธ์ ระหว่างมนุษย์กับสิ่งแวดล้อมทางวัตถุ 2.พัฒนาความสัมพันธ์ ระหว่างมนุษย์กับสังคม 3.พัฒนาทางจิตใจ 4.พัฒนาทางปัญญา

.

ถ้าระบบการศึกษาไปตามแนวนี้ จะครบทุกด้าน อย่างเช่น การพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสิ่งแวดล้อมทางวัตถุ ก็เริ่มจากธรรมชาติใกล้สุดคือ ร่างกายของเรา ต้องเรียนรู้ความฉลาดในร่างกาย ต้องกินให้พอดี ใช้ตา หู ลิ้น กาย ใจในทางที่เหมาะสม ซึ่งจะนำไปสู่ความสัมพันธ์ของเทคโนโลยีการใช้อินเตอร์เน็ต เรื่องเงินทอง เสื้อผ้า แฟชั่น ก็ขยับไปสู่ธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม

.

การภาวนาคือ การพัฒนาจิตใจ ซึ่งสอนให้เด็กสามารถแก้ปัญหาตัวเอง เวลาน้อยใจ วิตกกังวล กลัว ซึมเศร้า จะทำอย่างไร คนเรามีเรื่องชวนให้เครียด ชวนให้โกรธ ชวนให้มีปัญหาตลอดชีวิต สิ่งที่จำเป็นในชีวิตอย่างการเลือกคู่ ผู้ชายจะเป็นพ่อที่ดี สามีที่ดีอย่างไร เวลาอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ทำให้เราเดือดร้อน จะรักษาจิตใจของตนให้ปกติได้อย่างไร

.

สิ่งเหล่านี้สำคัญมาก ทำไมสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต ระบบการศึกษาไม่สอนเลย อันนี้เป็นจุดบอดใหญ่ ทั้งๆ ที่แนวทางพุทธมีวัตรปฎิบัติที่ชัดเจน มีคำสอนที่จะช่วยเรื่องนี้ ถือว่าเรามีบุญมากที่ได้เปรียบตะวันตก ซึ่งไม่มีหลักแบบนี้

.

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : คลิก

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *