รีวิว มหาวิทยาลัยคริสเตียน มหาวิทยาลัยที่กล้าการันตี จบมา มีงานทำ 100%


มาเริ่มกันที่คณะแรกกันเลยดีกว่าครับกับ คณะพยาบาลศาสตร์ เป็นสาขาที่เต็มไวที่สุด ซึ่งมีทั้งหลักสูตรไทย และหลักสูตรนานาชาติ และเป็นหลักสูตรที่ได้รับการรับรองจากสภาการพยาบาล และมีการทำ MOU กับโรงพยาบาลชั้นนำทั่วประเทศกว่า 50 แห่ง ซึ่งจุดเด่นของการเรียนคณะพยาบาลศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยคริสเตียนนั้น ได้แก่
- เสริมสร้างการทำงานเป็นทีมสุขภาพเพื่อคุณภาพการดูแลผู้ป่วยเรื้อรัง
- ได้รับทักษะการปฏิบัติการพยาบาลวิกฤต หรือ “nurse ICU”
- เน้นการฝึกปฏิบัติการพยาบาลวิชาชีพแบบบูรณาการ (Integration) อย่างมีคุณภาพ
- จัดการเรียนการสอนโดยเน้นการใช้ภาษาอังกฤษเป็นสื่อการสอนในรายวิชาชีพ เพื่อให้นักศึกษาสามารถใช้ภาษาอังกฤษในการปฏิบัติวิชาชีพการพยาบาลได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
- นักศึกษาสามารถเลือกฝึกปฏิบัติวิชาชีพในโรงพยาบาลชั้นนำ เพื่อเตรียมตัวสู่การเป็นมืออาชีพ
- เน้นพัฒนานวัตกรรมการดูแลสุขภาพ
- มีโอกาสได้ฝึกงานในต่างประเทศ (หลักสูตรนานาชาติ)
- มีเครือข่ายกับโรงพยาบาลในประเทศเยอรมัน (หลักสูตรนานาชาติ)
และในการเรียนตลอด 4 ปีนั้น น้องๆหลายคนคงกำลังสงสัยว่าแต่ละปีเค้าเรียนอะไรกันบ้าง เรามาดูกันเลย
- ปี 1 เป็นการเรียนวิชาพื้นฐานทั่วไป ยกตัวอย่างเช่น วิชาชีวเคมี กายวิภาคศาสตร์และสรีรวิทยา ภาษาเพื่อการสื่อสาร จิตวิทยาพื้นฐาน เป็นต้น
- ปี 2 เรียนวิชาเฉพาะ และเริ่มฝึกปฏิบัติการพยาบาล ยกตัวอย่างเช่น พยาธิสรีรวิทยาและเภสัชวิทยาสำหรับพยาบาล การพยาบาลพื้นฐาน เป็นต้น
- ปี 3 เริ่มเรียนลึกทางด้านวิชาชีพและเรียนการฝึกปฎิบัติเฉพาะทาง ยกตัวอย่างเช่น การพยาบาลผู้ป่วยในภาวะวิกฤติ การพยาบาลมารดา ทารก และการผดุงครรภ์ เป็นต้น
- ปี 4 เป็นการฝึกงาน (ฝึกปฏิบัติการพยาบาล) ยกตัวอย่างเช่น ปฏิบัติการรักษาพยาบาลเบื้องต้น ปฎิบัติการพยาบาลชุมชน เป็นต้น
และเมื่อเรียนจบหลักสูตรพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยคริสเตียน น้องๆสามารถต่อยอดได้หลากหลายอาชีพไม่ว่าจะเป็น
- พยาบาลวิชาชีพในโรงพยาบาล และสถานบริการสุขภาพทุกประเภท ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
- สามารถประกอบธุรกิจบริการดูแลเด็กเล็กและผู้สูงอายุอิสระได้
- นักวิชาการพยาบาลด้านสุขภาพ
- นักวิจัยพยาบาล
และยังมีอีกหลากหลายอาชีพที่เกี่ยวข้องกับสายงานด้านพยาบาลและสุขภาพที่เรายังไม่ได้กล่าวถึง ตอนนี้น้องๆหลายคนอาจกำลังมีความสนใจที่จะเลือกเข้าเรียนที่คณะพยาบาลแห่งมหาวิทยาลัยคริสเตียนกันบ้างแล้ว เรามาดูกันดีกว่าว่าหากเข้าเรียนที่นี่ จะมีค่าใช้จ่ายอย่างไรบ้าง
- ชั้นปีที่ 1 ประมาณ 118,500 บาทต่อปีการศึกษา หลักสูตรนานาชาติ 150,600 บาทต่อปีการศึกษา
- ชั้นปีที่ 2 ประมาณ 118,100 บาทต่อปีการศึกษา หลักสูตรนานาชาติ 155,800 บาทต่อปีการศึกษา
- ชั้นปีที่ 3 ประมาณ 116,200 บาทต่อปีการศึกษา หลักสูตรนานาชาติ 156,700 บาทต่อปีการศึกษา
- ชั้นปีที่ 4 ประมาณ 88,080 บาทต่อปีการศึกษา หลักสูตรนานาชาติ 114,080 บาทต่อปีการศึกษา
ยอดรวมค่าเล่าเรียนตลอดหลักสูตรอยู่ที่ประมาณ 440,880 บาท หลักสูตรนานาชาติ 577,180 บาท ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ซึ่งขึ้นอยู่กับการลงทะเบียนในแต่ละเทอม อยู่ที่ประมาณ 157,404 บาท
และผู้ที่ต้องการสมัครเข้าเรียนที่คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยคริสเตียน ต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้
- ต้องเป็นผู้สำเร็จการศึกษามัธยมศึกษาตอนปลาย แผนการเรียนวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์เท่านั้น
- ในส่วนของหลักสูตรปริญญาโท ต้องเป็นผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาทางด้านวิทยาศาสตร์ หรือสาขาสัมพันธ์
- ต้องมีผลการเรียนในรายวิชาเคมี ชีววิทยา ฟิสิกส์ คณิตศาสตร์และรายวิชาภาษาอังกฤษ และเกรดเฉลี่ยของแต่ละรายวิชาที่กล่าวมานั้น ต้องไม่ต่ำกว่า 2.75 ในกรณีที่เกรดเฉลี่ยต่ำกว่า 2.75 จะต้องสอบวัดความรู้ตามที่มหาวิทยาลัยคริสเตียนกำหนด
- หลักสูตรปริญญาโท ผู้สมัครต้องเป็นผู้ที่กำลังศึกษาในระดับปริญญาตรีสาขาวิทยาศาสตร์การแพทย์ สาธารณสุข หรือสาขาที่เกี่ยวข้อมกับสาขาพยาบาลศาสตร์
- ไม่เคยต้องโทษตามคำพิพากษาของศาล
- มีความประพฤติดี
- ไม่เป็นคนวิกลจริต
- ไม่เป็นโรคติดต่อร้ายแรง หรือโรคอื่นใดที่สังคมรังเกียจ
- มีสุขภาพสมบูรณ์ทั้งร่างกายและจิตใจ
เรามาต่อกันที่ คณะวิทยาศาสตร์สุขภาพ กันเลยครับ ซึ่งเป็นอีกหนึงคณะด้านสุขภาพ ที่มีสาขาวิชาให้เลือกเรียนตามความถนัดมากมาย ถ้าอย่างนั้นเรามาทำความรู้จักกันไปทีละสาขากันเลยดีกว่าครับ
สาขากายภาพบำบัด เป็นสาขาที่ได้รับการรับรองจากสถากายภาพบำบัด ด้านหลักสูตรดีเยี่ยม ซึ่งหากน้องๆเลือกเรียนกายภาพบำบัดที่มหาวิทยาลัยคริสเตียน น้องๆจะได้ฝึกทักษะครบทุกด้านจากอาจารย์ที่มีประสบการณ์ดูแลนักกีฬาระดับทีมชาติ และได้ฝึกปฏิบัติงานจริงที่คลิกนิกเฉพาะทาง ซึ่งจุดเด่นของสาขากายภาพบำบัดจะมีอะไรบ้างนั้น เรามาดูกันเลย
- เป็นหลักสูตรที่น่าเชื่อถือ ได้รับการรับรองจากสภากายภาพบำบัด
- เน้นกายภาพบำบัดเพื่อผู้สูงอายุ รองรับอนาคต
- ฝึกงานรวม 1,200 ชั่วโมง ทำให้มั่นใจในฝีมือและคุณภาพได้
- ฝึกปฏิบัติทางคลินิกแยกเฉพาะทางถึง 6 คลินิก
- คณาจารย์ในหลักสูตรมีงานวิจัยและตีพิมพ์เผยแพร่ผลงานวิจัยอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับทุนอุดหนุนการวิจัยทั้งจากหน่วยงานภายนอกและภายในมหาวิทยาลัย(ข้อมูลตามเอกสารแนบในส่วนของประวัติอาจารย์และผลงานทางวิชาการและวิชาชีพ)
เรียนกายภาพบำบัด 4 ปี แต่ละปีเรียนอะไรบ้างนั้น มาดูกันเลย
- ปี 1 เป็นการเรียนพื้นฐานวิชาทั่วไป
- ปี 2 เริ่มลงลึกในวิชาชีพกายภาพบำบัด
- ปี 3 ฝึกปฏิบัติทางคลินิก ออกบริการชุมชน
- ปี 4 ทำโครงงานวิจัยเรียนบริหารคลินิก
ในส่วนของอาชีพที่รองรับสาขากายภาพบำบัด มีดังนี้
- นักกายภาพบำบัดในสถานบริการสุขภาพระดับปฐมภูมิ ได้แก่ ศูนย์สุขภาพชุมชน สถานีอนามัย ระดับทุติยภูมิ ได้แก่ โรงพยาบาลชุมชน โรงพยาบาลทั่วไป ระดับตติยภูมิ ได้แก่ โรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลเอกชน เป็นต้น
- นักกายภาพบำบัดประจำทีมกีฬา ศูนย์ออกกำลังกายหรือศูนย์สุขภาพ สปาและความงาม
- ประกอบอาชีพอิสระด้านสุขภาพ
- ผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องมือทางกายภาพบำบัด
- สามารถศึกษาต่อในระดับปริญญาโท และปริญญาเอก ในสาขาวิชากายภาพบำบัดหรือสาขาที่เกี่ยวข้องได้
จะเห็นได้ว่าเมื่อจบการศึกษาในสาขาวิชากายภาพบำบัดไปนั้น มีอาชีพรองรับมากมายเลยทีเดียว เรามาดูในส่วนของค่าใช้จ่ายกันดีกว่า ว่าหากน้องๆเลือกเรียนในสาขาวิชากายภาพบำบัดไป จะต้องมีค่าใช้จ่ายอย่างไรบ้าง
- ปี 1. 99,600 บาทต่อปีการศึกษา
- ปี 2. 92,500 บาทต่อปีการศึกษา
- ปี 3. 90,300 บาทต่อปีการศึกษา
- ปี 4. 74,450 บาทต่อปีการศึกษา
ยอดรวมตลอดหลักสูตรอยู่ที่ประมาณ 356,850 บาท และผู้ที่ต้องการเข้าเรียนในสาขาวิชากายภาพบำบัด ต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้
- ต้องเป็นผู้สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย สายวิทยาศาสตร์หรือเทียบเท่า
- ไม่เคยต้องโทษตามคำพิพากษาของศาล เว้นแต่ในกรณีที่โทษนั้นเกิดจากความผิดอันได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดอันเป็นลหุโทษ
- มีความประพฤติดี ไม่เคยถูกไล่ออกจากสถาบันการศึกษาใด เนื่อจากความประพฤติเสื่อมเสีย
- มีสุขภาพสมบูรณ์ทั้งร่างกายและจิตใจ ไม่เป็นโรคติดต่อร้ายแรงหรือโรคอื่นใดที่มีอุปสรรคต่อการเรียน
และหากต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวสาขาวิชากายภาพบำบัด คลิกที่นี่

- ได้รับความรู้และประสบการณ์จากการฝึกงานที่หลากหลาย
- มีการฝึกปฏิบัติแบบเข้มข้นในปีที่ 3 ได้ใช้เครื่องอุปกรณ์จริง
- ฝึกงานได้ทั้งในโรงงานและโรงพยาบาล
- ได้รับประสบการณ์ที่หลากหลาย ประยุกต์ใช้กับการทำงานได้
เรียนนวัตกรรมเทคโนโลยีอาหารและโภชนาการ เรียนทั้งหมด 4 ปี แต่ละปีเรียนอะไรบ้างนั้น มาดูกันเลย
- ปี 1 เรียนเกี่ยวกับพื้นฐานวิทยาศาสตร์และโภชนาการ เช่น วิทยาศาสตร์และนวัตกรรมอาหารเบื้องต้น โภชนศาสตร์เบื้องต้น
- ปี 2 เรียนโภชนาการประยุกต์และหลักการทางวิทยาศาสตร์อาหาร เช่น โภชนาการคลินิกและโภชนบำบัด
- ปี 3 เริ่มฝึกปฏิบัติและวิจัย เป็นการเริ่มฝึกปฏิบัติโภชนาการและคิดค้นโครงงานวิจัยด้านอาหารและโภชนาการ
- ปี 4 สหกิจศึกษา เลือกฝึกปฏิบัติงานในสายที่ตนเองสนใจ เช่น การจัดระบบการบริหารอาหารเพื่อโภชนาการ
อาชีพที่รองรับสาขานวัตกรรมเทคโนโลยีอาหารและโภชนาการ มีดังนี้
- นักโภชนาการ
- นักวิทยาศาสตร์การอาหาร
- นักพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหาร
- เจ้าหน้าที่ควบคุมคุณภาพและประกันคุณภาพอาหาร
- เจ้าของธุรกิจด้านเทคโนโลยีอาหารและโภชนาการ
มาต่อกันที่ค่าใช้จ่ายตลอดหลักสูตรกันครับ ว่าหากเลือกเรียนสาขานี้ จะต้องมีค่าใช้จ่ายรวมทั่งหมดเท่าไหร่กันนะ
- ปี 1. 80,000 บาทต่อปีการศึกษา
- ปี 2. 80,000 บาทต่อปีการศึกษา
- ปี 3. 80,000 บาทต่อปีการศึกษา
- ปี 4. 70,000 บาทต่อปีการศึกษา
ยอดรวมตลอดหลักสูตรอยู่ที่ประมาณ 310,000 บาท และผู้ที่ต้องการเข้าศึกษาต่อในสาขานวัตกรรมเทคโนโลยีอาหารและโภชนาการ สามารถสมัครได้ที่ คลิกที่นี่
และหากน้องๆคนไหนอยากรู้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสาขานวัตกรรมเทคโนโลยีอาหารและโภชนาการ
มาต่อกันที่ สาขาวิทยาศาสตร์การกีฬาและการออกกำลังกาย กันครับ เป็นอีกหนึ่งหลักสูตรที่บอกได้เลยว่าปังไม่แพ้หลักสูตรอื่นเลย เพราะเป็นสาขาที่โดดเด่นด้านการออกแบบโปรแกรมออกกำลังกายให้กับผู้สูงอายุ ผู้พิการ และเด็กได้ ซึ่งถือเป็นที่ต้องการอย่างมากในยุคปัจจุบัน และนอกจากนี้ สาขาวิทยาศาสตร์การกีฬาและการออกกำลังกาย ยังมีจุดเด่นอีกมากมาย เช่น
- อาจารย์ผู้สอนมีประสบการณ์ในวงการกีฬาระดับประเทศ
- เน้นการพัฒนาผู้เรียนให้มีทักษะความรู้ด้านการออกกำลังกายและกีฬาในเด็ก ผู้สูงอายุ คนพิการ และบุคคลทั่วไป
- มีการร่วมมือกับศูนย์ส่งเสริมสุขภาพและโรงพยาบาลชั้นนำ
ในส่วนของอาชีพที่รองรับ มีดังนี้
- นักวิทยาศาสตร์การกีฬา
- ผู้ฝึกสอนการออกกำลังกายเฉพาะบุคคล
- นักวิเคราะห์สมรรถนะกีฬา
- ผู้ดูแลและจัดกิจกรรมศูนย์ส่วเสริมกีฬาและออกกำลังกาย
- นักวิชาชีพในสถานประกอบการกีฬา
และในการเรียนการสอนตลอด 4 ปีนั้น มีรายละเอียด ดังนี้
- ปี 1. เป็นการเรียนวิชาพื้นฐานทางด้านกีฬา
- ปี 2. เป็นการเรียนเนื้อหาทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ
- ปี 3. เน้นเจาะลึกด้านวิทยาศาสตร์การกีฬา
- ปี 4. เป็นการฝึกงานแบบสหกิจในหน่วยงานกีฬาและสถานประกอบการสุขภาพ
มาดูในด้านค่าใช้จ่ายตลอดหลักสูตรกันดีกว่าครับว่าจะเข้าเรียนสาขานี้จะต้องใช้จ่ายยังไงบ้าง
- ปี 1. 66,000 บาทต่อปีการศึกษา
- ปี 2. 66,000 บาทต่อปีการศึกษา
- ปี 3. 66,000 บาทต่อปีการศึกษา
- ปี 4. 66,000 บาทต่อปีการศึกษา
รวมค่าใช้จ่ายตลอดหลักสูตรอยู่ที่ประมาณ 264,000 บาท และหากต้องการสมัครเข้าเรียนในสาขาวิทยาศาสตร์การกีฬาและการออกกำลังกาย จะต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้
- สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย
- มีเกรดเฉลี่ยตั้งแต่ 2.00 ขึ้นไป
น้องๆคนไหนสนใจสมัครเข้าเรียนในสาขาวิทยาศาสตร์การกีฬาและการออกกำลังกาย คลิกที่นี่
มากันที่สาขาสุดท้ายของคณะวิทยาศาสตร์สุขภาพกันเลยครับ กับ สาขาวิศวกรรมชีวการแพทย์ ซึ่งเป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยเอกชนเพียงไม่กี่แห่งที่เปิดการเรียนการสอนสาขานี้ และหากน้องๆจบไปสามารถการันตีได้ว่าน้องๆจะมีงานทำ 100%อย่างแน่นอน เพราะเป็นอาชีพที่ทุกโรงพยาบาลต้องการ และฐานเริ่มต้นเงินเดือนสูงด้วยนะ มาดูจุดเด่นของสาขานี้กันครับ
- มีงานรองรับสูง เนื่องจากเป็นวิชาชีพที่มีความต้องการสูง และมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นเรื่อยๆ
- มีการปฏิบัติสหกิจศึกษา 2 ครั้ง ในเครือข่ายสถานประกอบการด้านเครื่องมือแพทย? และโรงพยาบาลชั้นนำของประเทศไทย
- มีโอกาสได้งานก่อนสำเร็จการศึกษา และอัตราเงินเดือนค่อนข้างสูง
อาชีพที่รองรับในสาขานี้ ได้แก่
- วิศวกรชีวการแพทย์
- นักอุปกรณ์ชีวการแพทย์
- นักวิจัยวิศวกรรมชีวการแพทย์
- นักพัฒนาเทคโนโลยีทางการแพทย์
- วิศวกรฝ่ายขาย
- วิศวกรบริการเทคนิค
ในระยะเวลาการเรียนตลอด 4 ปี มีการเรียนการสอน ดังนี้
- ปี 1. เป็นการเรียนปรับพื้นฐานด้านวิศวกรรมชีวการแพทย์
- ปี 2. เป็นการเรียนรู้เชิงลึกด้านการแพทย์และวิศวกรรม
- ปี 3. นำความรู้ที่ได้เรียนรู้มาปรับใช้ในการฝึกประสบการณ์ที่สถานประกอบการ
- ปี 4. ฝึกปฏิบัติสหกิจศึกษาในสถานประกอบการ
ในส่วนของค่าเล่าเรียนตลอดหลักสูตรนั้น มีรายละเอียด ดังนี้
- ปี 1. 80,000 บาทต่อเทอม
- ปี 2. 80,000 บาทต่อเทอม
- ปี 3. 80,000 บาทต่อเทอม
- ปี 4. 70,000 บาทต่อเทอม
รวมค่าใช้จ่ายตลอดหลักสูตรอยู่ที่ประมาณ 310,000 บาท และหากต้องการเข้าเรียนต่อในสาขาวิศวกรรมชีวการแพทย์ ต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้
- สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย หรือประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) สาขาวิชาไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ และมหาวิทยาลัยพิจารณาแล้วเห็นสมควรรับเข้าศึกษา
- ไม่เคยต้องโทษตามคำพิพากษาของศาล เว้นแต่ในกรณีโทษนั้นเกิดจากความผิดอันได้กระทำโดยประมาท หรทอความผิดอันเป็นลหุโทษ
- มีความประพฤติดี ไม่เคยถูกไล่ออกจากสถาบันการศึกษาใด เนื่องจากความประพฤติเสื่อมเสีย
- ไม่เป็นคนวิกลจริต
- ไม่เป็นโรคติดต่อร้ายแรงหรือโรคอื่นใดที่สังคมรังเกียจ
- มีสุขภาพสมบูรณ์ทั้งร่างกายและจิตใจ
- มีผลการเรียนผ่านตามเกณฑ์ที่มหาวิทยาลัยกำหนด
หมดไปแล้วนะครับสำหรับคณะวิทยาศาสตร์สุขภาพ ถ้าอย่างนั้นเรามาต่อกันที่คณะต่อมากันเลยครับ กับ คณะสหวิทยาการ ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งคณะและหนึ่งทางเลือกที่มีหลักสูตรให้น้องๆเลือกเรียนได้หลากหลาย
เรามาเริ่มกันที่สาขาแรกกันครับ กับ สาขาการจัดการบริการสุขภาพ เป็นสาขาที่ทุกโรงพยาบาลต้องการ ทำให้รับรองได้ว่าหากน้องๆจบจากสาขานี้ไป น้องๆจะมีงานรองรับอย่างแน่นนอน ซึ่งจุดเด่นในสาขานี้ มีดังนี้
- เน้นการบูรณาการความรู้ทั้งด้านบริหารธุรกิจ ด้านการแพทย์ และงานเลขานุการทางการแพทย์
- เป็นทางเลือกใหม่ในการประกอบอาชีพ สามารถประกอบอาชีพได้หลากหลาย
- เน้นการพัฒนาทักษะและประสบการณ์ผ่านการฝึกปฏิบัติสหกิจในสถานประกอบการจริง
- มีการตกลงความร่วมมือ (MOU) ในการจัดการเรียนการสอนร่วมกับโรงพยาบาลภาครัฐและเอกชน และองค์กรบริการสุขภาพ
อาชีพที่รองรับในสาขานี้ ได้แก่
- ผู้ประกอบการธุรกิจด้านการบริการสุขภาพ
- บุคลากรในภาคธุรกิจด้านการบริการสุขภาพ
- เลขานุการในองค์กรหรือส่วนงานสังกัดสถานประกอบการด้านสุขภาพ/โรงพยาบาลรัฐบาลและโรงพยาบาลเอกชน
- พนักงานบันทึกข้อมูลด้านสุขภาพ ประจำหอผู้ป่วย/ส่วนงานสังกัดโรงพยาบาลรัฐบาลและโรงพยาบาลเอกชน
- บุคลากรที่ปฏิบัติงานในบริษัทเวชภัณฑ์/อุปกรณ์การแพทย์
ระยะเวลาการเรียนตลอด 4 ปี มีการเรียนการสอน ดังนี้
- ปี 1. เป็นการเรียนพื้นฐานความรู้ด้านบริหารธุรกิจ
- ปี 2. เรียนการจัดการด้านการเงินการบัญชี
- ปี 3. เน้นเรียนกลยุทธ์การบริหารธุรกิจด้านสุขภาพ เช่น การเป็นผู้ประกอบการ และการวิจัย
- ปี 4. เป็นการปฏิบัติสหกิจศึกษา ได้ปฏิบัติงานจริงในโรงพยาบาล คลินิกและองค์กรด้านสุขภาพ
รายละเอียดค่าเล่าเรียนตลอดหลักสูตร ดังนี้
- ปี 1. 28,750 บาทต่อเทอม
- ปี 2. 28,750 บาทต่อเทอม
- ปี 3. 28,750 บาทต่อเทอม
- ปี 4. 28,750 บาทต่อเทอม
รวมค่าใช้จ่ายตลอดหลักสูตรอยู่ที่ประมาณ 230,000 บาท และหากน้องๆสนใจสมัครเรียนในสาขาวิชาการจัดการบริการสุขภาพ จะต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้
- เป็นผู้สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ทั้งสายวิทย์และสายศิลป์ หรือระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) หรือเทียบเท่า
- เป็นผู้สำเร็จการศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.)
มาต่อกันที่ สาขาการออกแบบกราฟฟิกและมัลติมีเดีย เป็นอีกหนึ่งสาขาที่มีอัตราการรับเข้าทำงานสูง อีกทั้งอุปกรณ์ในการเรียนการสอนค่อนข้างครบครัน เรามาดูกันเลยดีกว่าครับว่าเค้ามีจุดเด่นอะไรบ้าง
- มี Living Studio อุปกรณ์ครบครัน พร้อมให้ฝึกฝนทักษะ
- ได้เรียนรู้กระบวนการทำงานทั้งหมดตั้งแตเริ่มต้นจนจบ
- มีการสนับสนุนการส่งงานประกวด การันตีจากรางวัลมากมาย
- สนับสนุนให้นักศึกษามีรายได้ระหว่างเรียน
อาชีพที่รองรับ ได้แก่
- ผู้ออกแบบและสร้างงานอนิเมชั่น
- ผู้ออกแบบกราฟิกและมัลติมีเดีย
- ผู้ออกแบบบรรจุภัณฑ์และกราฟฟิกบนบรรจุภัณฑ์
- นักจัดทำเทคนิคด้านการโฆษณาและภาพยนตร์
รายละเอียดการเรียนตลอดหลักสูตร 4 ปี ดังนี้
- ปี 1. เป็นการเรียนพื้นฐานกราฟฟิกและมัลติมีเดีย
- ปี 2. ฝึกทักษะขั้นสูงด้านกราฟฟิกและมัลติมีเดีย
- ปี 3. นำความรู้ที่ได้รับมาประยุกต์ใช้เพื่อการสร้างธุรกิจสื่อสาร
- ปี 4. ปฏิบัติสหกิจในสถานประกอบการจริง
ด้านค่าเล่าเรียนตลอดหลักสูตร 4 ปี มีรายละเอียดดังนี้
- ปี 1. 70,000 บาทต่อเทอม
- ปี 2. 70,000 บาทต่อเทอม
- ปี 3. 70,000 บาทต่อเทอม
- ปี 4. 70,000 บาทต่อเทอม
รวมค่าใช้จ่ายตลอดหลักสูตร ประมาณ 280,000 บาท ซึ่งหากน้องๆสนใจเข้าเรียนสาขาการออกแบบกราฟิกและมัลติมีเดีย ต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้
- เป็นผู้สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย หรือเทียบเท่า
- เป็นผู้สำเร็จการศึกษาประกาศณียบัตรวิชาชีพชั้นสูงหรือเทียบเท่า หรืออนุปริญญา
- เป็นผู้ที่กำลังศึกษาระดับปริญญาตรีในสถาบันอุดมศึกษาที่สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนให้การรับรองวุฒิการศึกษา
- ไม่เคยต้องโทษตามคำพิพากษาของศาล เว้นแต่ในกรณีโทษนั้นเกิดจากความผิดอันได้กระทำโดยประมาท หรือความผิดอันเป็นลหุโทษ
- มีความประพฤติดี ไม่เคยถูกไล่ออกจากสถาบันการศึกษาใดเนื่องจากความประพฤติเสื่อมเสีย
- ไม่เป็นคนวิกลจริต
- ไม่เป็นโรคติดต่อร้ายแรง หรือโรคอื่นใดที่สังคมรังเกียจ
- มีสุขภาพสมบูรณ์ทั้งร่างกายและจิตใจ
หากน้องๆสนใจสมัครเข้าเรียนในสาขาวิชาการออกแบบกราฟิกและมัลติมีเดีย คลิกที่นี่
มาที่สาขา การจัดการท่องเที่ยวและบริการ กันครับ ซึ่งเป็นสาขาที่น้องๆเลือกเรียนแล้วได้เรียนทุกสายงานทไม่ว่าจะเป็น มัคคุเทศก์ การโรงแรม เชฟ หรือบาร์เทนเดอร์ เป็นต้น เรามาดูจุดเด่นของสาขานี้กันดีกว่าครับว่าเค้ามีอะไรบ้าง
- มีอาชีพรองรับหลากหลาย เพราะได้เรียนทุกสายงานในด้านบริการ ทำให้ผู้เรียนเลือกประกอบอาชีพได้ค่อนข้างหลากหลาย
- หลักสูตรการเรียนการสอนที่ทันสมัย และสามารถนำไปใช้ได้จริง
- มีทุนแลกเปลี่ยนค่อนข้างเยอะ เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสให้แก่นักศึกษา
อาชีพที่รองรับ ได้แก่
- สายงานท่องเที่ยว เช่น มัคคุเทศก์
- สายงานอาหาร เช่น เชฟ บาร์เทนเดอร์
- สายงานบริการ เช่น แอร์โฮสเตส สจ๊วจ พนักงานบนเรือสำราญ เป็นต้น
- สายงานโรงแรม เช่น ผู้จัดการโรงแรม พนักงานโรงแรม เป็นต้น
การเรียนการสอนตลอด 4 ปี มีรายละเอียด ดังนี้
- ปี 1. เป็นการเรียนการสอนรายวิชาศึกษาทั่วไป เช่น ไทย อังกฤษ คณิตศาสตร์พื้นฐาน เป็นต้น
- ปี 2. เรียนพื้นฐานวิชาชีพ เช่น ความรู้เบื้องต้นการท่องเที่ยว กฎหมาย ภาษาที่ 3 เป็นต้น
- ปี 3. เรียนวิชาเอกบังคับ เช่น การบริการอาหารและเครื่องดื่ม งานมัคคุเทศก์และการจัดนำเที่ยว เป็นต้น
- ปี 4. จัดทำวิจัยทางการท่องเที่ยว สหกิจศึกษา
ด้านค่าใช้จ่ายตลอดหลักสูตรนั้น มีรายละเอียด ดังนี้
- ปี 1. 47,500 บาทต่อเทอม
- ปี 2. 47,500 บาทต่อเทอม
- ปี 3. 47,500 บาทต่อเทอม
- ปี 4. 47,500 บาทต่อเทอม
รวมค่าใช้จ่ายตลอดหลักสูตรอยู่ที่ประมาณ 380,000 บาท และหากน้องๆสนใจสมัครเข้าเรียน คลิกที่นี่หรือมีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับสาขาการจัดการท่องเที่ยวและบริการ คลิกที่นี่
มากันที่สาขาสุดท้ายกันครับ กับ สาขาการจัดการนวัตกรรมการค้า เป็นสาขาที่การันตีได้ว่าเรียนจบไปแล้วน้องๆมีโอกาสได้ทำงานกับบริษัทมหาชนอย่างแน่นอน 100% ว่าแต่สาขานี้จะมีจุดเด่นอย่างไรบ้างนั้น มาดูกันครับ
- มีทุนการศึกษาให้ 70% ตลอดหลักสูตร
- มีรายได้และได้รับสวัสดิการระหว่างฝึกปฏิบัติในสถานประกอบการ
- มีการจัดการศึกษาแบบบูรณาการการทำงานกับการเรียน Work Integrated Learning (WIL) และตอบสนองความต้องการของสถานประกอบการ
- บ่มเพาะนักศึกษาให้เป็นนักคิด นักปฏิบัติ ที่มีความรู้ ความสามารถ และทักษะ พร้อมก้าวสู่โลกธุรกิจในศตวรรษที่ 21
- รับประกันการมีงานทำหลังจบการศึกษา 100%
อาชีพที่รองรับในอนาคต ได้แก่
- ผู้ประกอบการธุรกิจสมัยใหม่ เช่น ธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ ธุรกิจการค้าอิเล็กทรอนิกส์
- นวัตกร นักคิด นักสร้างสรรค์ทางธุรกิจ
- ผู้บริหาร/ผู้จัดการร้านค้าปลีกสมัยใหม่
- นักการตลาด เช่น นักการตลาดแบบบูรณาการ นักการตลาดดิจิทัล
- พนักงานองค์กรภาครัฐและเอกชน
จะเห็นได้ว่ามีอาชีพที่รองรับมากมายเลย เรามาดูกันดีกว่าว่าค่าเล่าเรียนของสาขานี้มีรายละเอียดยังไงบ้าง
- ปี 1. 30,000 บาทต่อเทอม
- ปี 2. 30,000 บาทต่อเทอม
- ปี 3. 30,000 บาทต่อเทอม
- ปี 4. 30,000 บาทต่อเทอม
รวมค่าใช้จ่ายตลอดหลักสูตร ประมาณ 240,000 บาท และหากน้องๆต้องการสมัครเข้าเรียนนั้น จะต้องมีคุณสมบัติยังไงกันบ้าง
- สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.6) หรือประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) หรือเทียบเท่า
- มีเกรดเฉลี่ยสะสม ไม่ต่ำกว่า 2.00
- มีความประพฤติที่ดี และมีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์
น้องๆคนไหนที่สนใจเข้าเรียนที่สาขาวิชาการจัดการนวัตกรรมการค้า คลิกที่นี่
หรือมีข้อสงสัยเพิ่มเติม คลิกที่นี่
ก็จบไปแล้วนะครับสำหรับการรีวิวคณะต่างๆของมหาวิทยาลัยคริสเตียน น้องๆหลายคนคงได้รับข้อมูลความรู้กันไปบ้างแล้ว หรืออาจมีเล็งๆคณะไหนกันอยู่บ้าง มหาวิทยาลัยคริสเตียนก็เป็นอีก 1 ทางเลือกที่ดีให้แก่น้องๆได้เลือกเรียนตามความสนใจและความถนัดกันอย่างมากมาย เพราะเค้ามีหลักสูตรครบครัน อุปกรณ์ที่ทันสมัย และความรู้และทักษะที่ได้รับนั้นสามารถนำไปใช้งานได้จริง รวมไปถึงค่าเทอมของแต่ละคณะ แต่ละสาขายังสามารถจับต้องได้ และไม่แพงเกินไปเมื่อเทียบกับมหาวิทยาลัยเอกชนแห่นอื่นๆ
หากน้องๆมีข้อสงสัยหรืออยากรู้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยคริสเตียน คลิกที่นี่