สมศ. ร่วมหนุนใช้ผลประเมิน สร้างคลาสเรียนสุดอัจฉริยะ ปั้นเด็กไทย พร้อมด้วย “Future Skills” พร้อมชู “โรงเรียนสตึก บุรีรัมย์” ต้นแบบการศึกษายุคใหมอัพเกรดผู้เรียนสู่ทาเลนท์ด้านหุ่นยนต์

สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) โชว์ผลการประเมินคุณภาพภายนอกปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ผลตอบรับน่าพอใจ สถานศึกษากว่าร้อยละ 94 พอใจภาพรวมการประเมิน โดยกว่าร้อยละ 95 ของสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย (ศูนย์พัฒนาเด็ก) และกว่าร้อยละ 99 ของสถานศึกษาระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พร้อมที่จะนำผลประเมินไปปรับใช้ นอกจากนี้ ยังเดินหน้าขับเคลื่อนสถานศึกษายุคใหม่ให้พร้อมและก้าวทันกับเทคโนโลยี โดยยกตัวอย่างโรงเรียนสตึก จังหวัดบุรีรัมย์ สุดยอดตัวอย่างสถานศึกษาที่นำผลการประเมินไปปรับใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และประสบความสำเร็จในด้านการเรียนการสอนหุ่นยนต์และเกิดความโดดเด่นในด้านความคิดสร้างสรรค์ และวิศวกรรมของตัวผู้เรียน

ดร.วรวิชช ภาสาวสุวัศ รองผู้อำนวยการสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) กล่าวถึงการประเมินคุณภาพภายนอกในปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ที่ผ่านมาว่า มีสถานศึกษาเข้ารับการประเมินกว่า 5,000 แห่ง โดยเป็นสถานศึกษาการศึกษาปฐมวัย (ศูนย์พัฒนาเด็ก) 2,055 แห่ง สถานศึกษาระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน 3,020 แห่ง ซึ่ง สมศ.ได้มีการสำรวจและติดตามการนำผลการประเมินคุณภาพภายนอกไปใช้ พบว่าสถานศึกษาการศึกษาปฐมวัย (ศูนย์พัฒนาเด็ก) มากกว่าร้อยละ 95 และสถานศึกษาระดับขั้นพื้นฐาน มากกว่าร้อยละ 99 ต่างนำผลประเมินคุณภาพภายนอกไปปรับใช้ โดยสถานศึกษาส่วนใหญ่ให้ความคิดเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า ผลการประเมินคุณภาพภายนอกของ สมศ. ทำให้สถานศึกษารู้จัก เข้าใจ มองเห็นจุดแข็ง จุดที่ควรพัฒนาของสถานศึกษาอย่างเด่นชัดมากขึ้น เกิดแรงจูงใจที่จะปรับปรุงและพัฒนา และได้นำข้อเสนอแนะไปใช้กำหนดแนวทางการดำเนินงานของสถานศึกษาในหลายด้าน ทั้งเรื่องการบริหาร การกำกับติดตาม การกำหนดแผนงานและการดำเนินโครงการต่างๆ เพื่อปรับปรุงคุณภาพการเรียนการสอน พัฒนาผู้เรียน ผู้สอน ส่งผลให้สถานศึกษาได้รับการพัฒนาและเกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม นอกจากนี้ ยังพบว่าสถานศึกษากว่าร้อยละ 94 ที่เข้ารับการประเมิน รู้สึกพึงพอใจภาพรวมการประเมินคุณภาพภายนอกในครั้งนี้ เพิ่มขึ้นจากรอบที่ผ่านมาที่ได้อยู่ที่ประมาณร้อยละ 80

ดร.วรวิชช ได้กล่าวถึงสถานศึกษาที่สามารถนำข้อเสนอแนะจากการประเมินคุณภาพภายนอกไปปรับใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยยกตัวอย่าง โรงเรียนสตึก จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งประสบความสำเร็จในการพัฒนาจนทำให้เกิด SATUEK Model ซึ่งเป็นแนวทางในการดำเนินงานพัฒนาคุณภาพการศึกษาที่ครอบคลุมทุกมิติ ทั้งการพัฒนาสถานศึกษา การเสริมสร้างความรู้ด้านวิชาการ การพัฒนาบุคลากร และการพัฒนาผู้เรียน โดยสร้างแนวทางการเรียนรู้ที่เตรียมความพร้อมผู้เรียนสู่อนาคต ซึ่งส่งผลให้ผู้เรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่ดีเยี่ยมและมีทักษะการเรียนรู้รอบด้าน เช่น ทักษะการคิดวิเคราะห์ ความคิดสร้างสรรค์ และการใช้เทคโนโลยี โดยเฉพาะการประดิษฐ์หุ่นยนต์ซึ่งมีชื่อเสียงโดดเด่นและได้รับรางวัลจากการแข่งขันระดับชาติและนานาชาติหลายรายการ ซึ่งเป็นแบบอย่างที่ดี (Best Practice) ที่โรงเรียนอื่นๆ สามารถนำไปประยุกต์ใช้และปฏิบัติตามได้

นอกจากนี้ ดร.วรวิชช ยังกล่าวถึงทิศทางการประเมินคุณภาพภายนอกประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568ที่กำลังจะเริ่มขึ้น ว่า สมศ. ยังคงยึดหลักการประเมินคุณภาพภายนอกตามนโยบาย “ลดภาระ เรียนดี มีความสุข” ของพลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ โดยมุ่งเน้น 3 ประเด็นหลัก คือ 1) การประกันคุณภาพภายนอกเพื่อการพัฒนา และยกระดับคุณภาพ (Quality Improvement) 2) มุ่งลดภาระครูและบุคลากรทางการศึกษา และ 3) นำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้สนับสนุน การประเมินตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการ แต่จะเน้นการประเมินที่เจาะลึกและสอดคล้องกับบริบทของแต่ละสถานศึกษามากขึ้น เพื่อให้สถานศึกษาสามารถนำข้อเสนอแนะจากการประเมินไปใช้ได้อย่างตรงจุดและเกิดประโยชน์อย่างแท้จริง และจะให้ความสำคัญกับการประเมินที่เน้นการพัฒนาผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง รวมทั้งพัฒนาเกณฑ์การประเมินให้เข้มข้นขึ้นในด้านการสร้างสภาพแวดล้อมภายในโรงเรียนที่ปลอดภัย เอื้อต่อการเรียนรู้ และการส่งเสริมสุขภาพจิตและคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้เรียน

สำหรับการประเมินรอบใหม่ที่กำลังดำเนินการอยู่นั้น  สมศ. ให้ความสำคัญกับการประเมินที่เน้นการพัฒนาผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง และเกณฑ์การประเมินที่สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี เพื่อช่วยให้สถานศึกษาพัฒนาผู้เรียนให้พร้อมสู่ยุคดิจิทัล และมีทักษะที่ตอบโจทย์อนาคตโลกยุคใหม่ อีกทั้งยังช่วยดึงความสนใจและศักยภาพของผู้เรียนออกมาได้มากที่สุด โดยในส่วนของการส่งเสริมเทคโนโลยีนั้นมุ่งเน้นข้อเสนอแนะที่สะท้อนจากผลประเมิน อาทิ แนวทางการจัดกิจกรรมในสถานศึกษาและในห้องเรียน การสังเกตความถนัดในตัวผู้เรียนเพื่อนำมากำหนดแนวทางยกระดับศักยภาพที่เหมาะสม การแนะแนวแนวทางและโอกาสสำคัญในอนาคต ทั้งนี้ จากการสะท้อนผลการประเมินในด้านนี้พบว่าสถานศึกษาหลายแห่งประสบผลสำเร็จทั้งในเชิงการสร้างสรรค์

ด้าน นายธัชเวชช์ ศานติบูรณ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนสตึก กล่าวว่า จากผลการประเมินคุณภาพภายนอกในรอบที่ผ่านๆ มา ทำให้สถานศึกษามองเห็นจุดแข็งและจุดที่ควรพัฒนาหลายด้าน และได้นำข้อเสนอแนะจากการประเมินมาปรับใช้ตั้งแต่การปรับแผนพัฒนาสถานศึกษาไปจนถึงการสร้างโครงการและกิจกรรมที่หลากหลายเพื่อเสริมสร้างคุณลักษณะที่พึงประสงค์ รวมถึงบูรณาการกิจกรรมเหล่านี้ในรายวิชาต่าง ๆ เพื่อสร้างระบบการเรียนรู้ที่ครบวงจร ส่งผลให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนทั้ง ด้านผลการเรียนของนักเรียนที่ดีขึ้น อย่างต่อเนื่องโดยในปีการศึกษา 2565 นักเรียนทุกระดับชั้นมีเกรดเฉลี่ยอยู่ที่ 3.14 และผลทดสอบ O-NET ของนักเรียนชั้น ม.3 และ ม.6 ก็เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ด้านการพัฒนาคุณภาพการบริหารจัดการสถานศึกษา โรงเรียนได้รับรางวัล IQA Award ระดับยอดเยี่ยม สะท้อนถึงการพัฒนาด้านการบริหารจัดการและการแนะแนว ที่มีประสิทธิภาพ ด้านการจัดการเรียนรู้ ครูได้ปรับปรุงแผนการเรียนรู้ โดยเน้นทักษะการคิดวิเคราะห์และวิจัยในชั้นเรียน จัดการเรียนการสอนที่มุ่งเน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง พร้อมปรับปรุงหลักสูตรเพื่อลดภาระผู้เรียนตามแนวคิด “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้” สร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้ (PLC) ระหว่างครู พร้อมจัดระบบตรวจสอบและประเมินผลผู้เรียนอย่างเป็นระบบเพื่อนำมาพัฒนาและปรับปรุงจากความสำเร็จดังกล่าวทำให้โรงเรียนสตึกได้รับการยกย่องเป็นแบบอย่างที่ดีของสถานศึกษาในหลายด้าน โดยเฉพาะการนำ SATUEK Model ซึ่งเป็นระบบการเรียนรู้และนิเทศภายใน โดยใช้หลักการ PDCA (Plan-Do-Check-Act) มาใช้เป็นกรอบหลักในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาเพื่อส่งเสริมการจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning โดย S คือ Strategic Management การบริหารเชิงกลยุทธ์ A คือ Academic with Moral การส่งเสริม สนับสนุน T คือ Team Work การทำงานเป็นทีม U คือ Unity and Understanding ความเป็นเอกภาพและการสร้างความเข้าใจร่วมกัน E คือ Evaluation การประเมินผล และ K คือ Knowledge Management การจัดการความรู้ ที่เน้นการทำงานเป็นทีมและการบริหารจัดการศึกษาแบบมีส่วนร่วมทั้งครู นักเรียน ผู้ปกครอง และชุมชน เพื่อนำไปสู่ผลลัพธ์ 5G ได้แก่ Good Student: เรียนดี มีความสุข ตามเป้าหมายของกระทรวงศึกษาธิการ Good Teacher: ครูมืออาชีพ Good Management: บริหารตามหลักธรรมาภิบาลGood School: โรงเรียนคุณภาพ มีความปลอดภัย เป็นมาตรฐานสากล และ Good Community: ชุมชน มีความเชื่อมั่น และได้นำผลสำเร็จของโมเดลนี้มาจัดทำเป็น Best Practice เพื่อเผยแพร่และแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ไปยังโรงเรียนอื่นๆ

นอกจากนี้ โรงเรียนสตึกยังได้รับรางวัลระดับยอดเยี่ยมในโครงการ “สถานศึกษาต้นแบบการจัดการศึกษาเพื่อความเป็นเลิศ และ Soft Power” และสามารถเป็นแบบอย่างได้ โดยเฉพาะด้านการใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาเป็นพื้นฐานในการส่งเสริมทักษะการคิดสร้างสรรค์และการคิดเป็นลำดับขั้นตอนแบบบูรณาการผ่านกระบวนการเรียนรู้เกี่ยวกับการทำงานของหุ่นยนต์ และได้บูรณาการเข้ากับหลักสูตรการเรียนรู้ของสายวิทย์-คณิต ดำเนินการภายใต้ SATUEK DECP Model โดย D-Design คือ การออกแบบจินตนาการด้วยตนเอง E-Engineering คือ กระบวนการของวิศวกรรม C-Create คือ การคิดสร้างสรรค์ P-Program คือ การใช้โปรแกรมเขียนควบคุม ซึ่งเป็นนวัตกรรมการเรียนรู้ด้านการสร้างสรรค์หุ่นยนต์เพื่อการศึกษา โดยสอนปูพื้นฐานมาตั้งแต่ชั้น ม. 1 และมีการจัดทำห้องเรียนพิเศษที่เรียกว่า “ชุมนุมหุ่นยนต์” โดยเปิดรับนักเรียนที่สนใจเฉพาะทางมาฝึกฝนทักษะการเขียนโปรแกรมควบคุมหุ่นยนต์อย่างเป็นระบบจนสามารถประดิษฐ์นวัตกรรมและสร้างสรรค์ชิ้นงานได้จริง และส่งเสริมให้เข้าสู่การแข่งขัน ซึ่งที่ผ่านมาก็ประสบความสำเร็จได้รับรางวัลทั้งระดับชาติและระดับนานาชาติมาแล้วมากมาย ซึ่งรางวัลและเกียรติบัตรต่างๆ ที่นักเรียนได้รับนี้สามารถใช้เป็นผลงาน (Portfolio) เพื่อเป็นใบเบิกทางสำหรับศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยได้ด้วย

รวมถึงโรงเรียนยังได้ทำ MoU กับมหาวิทยาลัยชั้นนำด้านวิศวกรรม เช่น มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี พระจอมเกล้าธนบุรี สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ซึ่งได้ร่วมกันจัดทำหลักสูตรมาใช้ในการจัดการเรียนการสอนของนักเรียนสายวิทย์-คณิตคอมเตรียมวิศวะ เพื่อเตรียมความพร้อมให้ผู้เรียนสำหรับศึกษาต่อด้านวิศวกรรมศาสตร์โดยตรงซึ่งก็ได้รับการตอบรับจากผู้ปกครองและผู้เรียนเป็นอย่างดี

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *