5 สาระสำคัญ เมื่อวันที่ “มทร.ธัญบุรี” เปลี่ยนผ่าน ”ออกนอกระบบ”

 

11 มีนาคม 2568 คณะรัฐมนตรี(ครม.) เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี พ.ศ. …. และเตรียมเข้าตรากฎหมายในสภาฯ

ขั้นตอนต่อไป เตรียมเข้าสู่กระบวนการพิจารณาในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อตราเป็นกฎหมาย  ปรับเปลี่ยนสถานภาพจากการเป็น “ส่วนราชการ” ไปสู่การเป็น “มหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ” อย่างสมบูรณ์

ร่างพระราชบัญญัติฉบับใหม่ กำหนดให้ มทร.ธัญบุรี มีฐานะเป็นนิติบุคคลและเป็นหน่วยงานในกำกับของรัฐที่ไม่เป็นส่วนราชการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน กฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และกฎหมายว่าด้วยการปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม และไม่เป็นรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณและกฎหมายอื่น

ขณะเดียวกันมหาวิทยาลัยยังคงมีสิทธิได้รับการจัดสรรงบประมาณแผ่นดินเช่นเดียวกับส่วนราชการ…

หากเจาะถึงสาระสำคัญที่มทร.ธัญบุรี ต้องเน้นย้ำต่อสังคมและก้าวเดินไปในห้วงระยะเวลาที่กำลังจะเปลี่ยนผ่านนี้ พอจะสรุปได้ 5 ประเด็น

1 จะต้องยึดมั่นในวัตถุประสงค์หลัก

เมื่อสรุปสาระสำคัญ ซึ่งจะมีผลโดยตรงต่อผู้เรียน บุคลากร รวมถึงสังคมไทยโดยรวม ตามร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ มทร.ธัญบุรี จะต้องยึดมั่นในวัตถุประสงค์หลักในการเป็นสถาบันการศึกษาทางวิชาการและวิชาชีพชั้นสูง โดยมุ่งเน้นที่

1 การจัดการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและสังคมศาสตร์

2 การส่งเสริม ประยุกต์ และพัฒนาวิชาการและวิชาชีพสู่การผลิตบัณฑิตนักปฏิบัติและนวัตกรรม

3 การยกระดับการศึกษาด้านอาชีวศึกษาและการจัดการศึกษาตลอดชีวิต

4 การส่งเสริมการวิจัยและนวัตกรรมที่มุ่งสู่ความเป็นเลิศและตอบสนองต่อการพัฒนาประเทศ

5 การให้บริการทางวิชาการและนวัตกรรมแก่สังคม

6 การทำนุบำรุงศิลปะและวัฒนธรรม และอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

2 ต้องดำเนินการโดยยึดหลักสำคัญ 7 ประการ

นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยจะดำเนินการโดยยึดหลักสำคัญ 7 ประการ ได้แก่

1 ความเสมอภาคทางการศึกษา

2 การพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่อง

3 ความเป็นเลิศทางวิชาการและเสรีภาพทางวิชาการควบคู่กับคุณธรรมและจริยธรรม

4 การนำองค์ความรู้สู่สังคม

5 ความมีมาตรฐานและคุณภาพทางวิชาการในระดับสากล

6 การบริหารงานที่มีธรรมาภิบาลและการมีส่วนร่วมของผู้ปฏิบัติงาน

7ความมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการบริหารจัดการ

3 การบริหารทรัพยากรบุคคล

ทางเลือกสำคัญของข้าราชการและลูกจ้างเดิม

ร่างพระราชบัญญัติกำหนดให้มหาวิทยาลัยสามารถบริหารงานบุคคลได้อย่างคล่องตัวมากขึ้น โดยกำหนดตำแหน่งพนักงานมหาวิทยาลัยเป็น 4 ประเภท ได้แก่

ตำแหน่งประเภทวิชาการ

ตำแหน่งประเภทบริหาร

ตำแหน่งประเภททั่วไป วิชาชีพเฉพาะ หรือเชี่ยวชาญเฉพาะ

และตำแหน่งประเภทอื่นๆ ตามที่สภามหาวิทยาลัยกำหนด

สำหรับข้าราชการและลูกจ้างของส่วนราชการเดิม ร่างพระราชบัญญัติได้เปิดโอกาสให้เลือกเปลี่ยนสถานภาพมาเป็นพนักงานมหาวิทยาลัยหรือลูกจ้างของมหาวิทยาลัยได้ โดยสามารถแสดงเจตนาได้ในช่วงเวลาที่กำหนด และจะได้รับเงินเดือน ค่าจ้าง สวัสดิการ และประโยชน์ตอบแทนไม่น้อยกว่าที่เคยได้รับอยู่เดิม

4 จุดเปลี่ยนสำคัญ รายได้ของมหาวิทยาลัยไม่ต้องนำส่งคลัง

รายได้ของมหาวิทยาลัยประกอบด้วยเงินอุดหนุนทั่วไปที่รัฐบาลจัดสรรให้เป็นรายปี เงินและทรัพย์สินที่มีผู้อุดหนุนหรืออุทิศให้ เงินกองทุนต่างๆ ค่าธรรมเนียม ค่าบำรุง ค่าตอบแทน รายได้หรือผลประโยชน์จากการลงทุนหรือจากทรัพย์สินของมหาวิทยาลัย เป็นต้น โดยรายได้ของมหาวิทยาลัยไม่เป็นรายได้แผ่นดินที่ต้องนำส่งคลังตามกฎหมาย

มหาวิทยาลัยมีอำนาจในการบริหารจัดการทรัพย์สินของตนเอง โดยสามารถกู้ยืมเงิน ให้กู้ยืมเงิน ลงทุนหรือร่วมลงทุน และจัดตั้งหรือร่วมกับบุคคลอื่นในการจัดตั้งองค์กรที่เป็นนิติบุคคลได้ ภายใต้ขอบเขตที่กฎหมายกำหนด

5 การประกันคุณภาพและการประเมิน ตัวชี้วัดว่าจะรุ่งหรือร่วง

ตามหลักการบ่งชี้ว่า มหาวิทยาลัยจะต้องจัดให้มีระบบการประกันคุณภาพการศึกษาเพื่อพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษา มีการประเมินผลการปฏิบัติหน้าที่ของผู้บริหาร การประเมินหลักสูตรการศึกษา การเรียนการสอน และการวัดผล รวมทั้งการประเมินส่วนงานของมหาวิทยาลัย ถือเป็นจุดสำคัญของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เช่นกัน เพราะหากการประกันคุณภาพไม่เข้มแข็งพอ ย่อมมีผลต่อการเรียนการสอน แล้วจะส่งผลกระทบถึงคุณภาพของบัณฑิต และจะส่งผลต่อเนื่องถึงความเชื่อมั่นทั้งระบบ หากสูญเสียความแข็งแกร่งในจุดนี้ไป คงจะพัฒนาส่วนอื่น ๆ ได้อย่างยากลำบากยิ่ง

…..

นอกจากประเด็นที่หยิบยกนำมาเสนอแล้ว ยังมีเรื่องอื่น ๆ อีกหลายอย่างที่ยังต้องให้ความสำคัญและติดตามกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องโครงสร้างการบริหารมหาวิทยาลัย ที่จะต้องมีผู้บริหารในส่วนต่าง ๆ ทั้งสภามหาวิทยาลัย สภาวิชาการ สภาคณาจารย์และพนักงาน ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญเช่นเดียวกันในการที่จะนำพามหาวิทยาลัยเปลี่ยนผ่านไปสู่ความรุ่งเรืองแห่งยุคสมัยได้หรือไม่

ถือเป็นเรื่องที่น่าจับตาเป็นอย่างยิ่ง ว่าการปรับเปลี่ยนสถานะในครั้งนี้ มหาวิทยาลัยจะมีความคล่องตัวในการบริหารจัดการมากขึ้น บุคลากรมีสวัสดิการและการพัฒนามากขึ้น มีการพัฒนาด้านการเรียนการสอนและสร้างนวัตกรรมทางการศึกษาได้ดียิ่งขึ้นดังที่วาดหวังไว้ได้หรือไม่

ที่สำคัญเราจะสามารถฝากอนาคตลูกหลานให้เป็นบัณฑิตที่พร้อมสู่โลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยความท้าทายได้มากน้อยเพียงใด

จึงสมควรแก่การติดตาม และให้กำลังใจกับการเปลี่ยนผ่านของสถาบันการศึกษาอันเก่าแก่และมีคุณภาพเป็นที่ยอมรับมายาวนาน

ได้ก้าวสู่สถาบันที่สร้างบัณฑิตให้เป็นนักปฏิบัติ นักคิด นักสร้างสรรค์นวัตกรรม ตามอัตลักษณ์ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี อย่างสมภาคภูมิ

 

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *