สสว.ร่วมมือ มทร.ธัญบุรี เสริมเทคโนโลยีเมล่อนสุพรรณบุรี ปี 2

กิจกรรมเชิงปฏิบัติการพัฒนาศักยภาพเครือข่ายเทคโนโลยีเพื่อการเกษตร คลัสเตอร์เทคโนโลยีเพื่อการเกษตรเมล่อนสุพรรณบุรี ปี 2 ความร่วมมือ สสว.และ มทร.ธัญบุรี ภายใต้โครงการสนับสนุน SME ปี 2563 ณ วิสาหกิจชุมชนกลุ่มผู้ปลูกเมล่อนบ้านหนองคาง ต.แจงงาม อ.หนองหญ้าไซ จ.สุพรรณบุรี

กิจกรรมการอบรมเชิงปฏิบัติการหลักสูตรการพัฒนาศักยภาพในการดำเนินงานของคลัสเตอร์เทคโนโลยีเพื่อการเกษตรเมล่อนสุพรรณบุรี โดยมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ธัญบุรี ได้รับมอบหมายจาก สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ให้ดำเนินการกิจกรรมพัฒนาเครือข่ายเทคโนโลยีเพื่อการเกษตร ภายใต้โครงการสนับสนุน SME ปี 2563 การอบรมเชิงปฏิบัติการหลักสูตร การพัฒนาศักยภาพในการดำเนินงานของคลัสเตอร์ กิจกรรมพัฒนาเครือข่ายเทคโนโลยีเพื่อการเกษตรฯ ครั้งนี้ เจาะกลุ่มไปที่ผู้ประกอบการซึ่งมีกลุ่มเกษตร-ผู้ประกอบการที่ปลูกเมล่อน ซึ่งเป็นผลไม้เศรษฐกิจสำคัญ และเป็นที่ต้องการของตลาด จากผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ อีกทั้งสามารถปลูกได้หลายพื้นที่ของประเทศไทย โดยเลือกพื้นที่ จ.สุพรรณบุรี ซึ่งมีกลุ่มเกษตร-ผู้ประกอบการที่ปลูกเมล่อนอยู่เป็นจำนวนมาก

นายอำนาจ แตงโสภา นายกองค์การบริหารส่วนตำบลแจงงาม ผู้นำวิสาหกิจชุมชนกลุ่มผู้ปลูกเมล่อนบ้านหนองคาง เล่าว่า การปลูกเมล่อนสุพรรณบุรี เริ่มต้นเมื่อปี 2549 โดยจุดประสงค์ต้องการให้ครอบครัวมีความอบอุ่น ให้มีชีวิตที่ดีขึ้น พื้นที่บริเวณตำบลแจงงาม “อีสานตะวันตก” เป็นพื้นที่แห้งแล้ง เสร็จจากฤดูทำข้าว ต้องอพยพไปทำงานต่างจังหวัด ทำให้ครอบครัวขาดความอบอุ่น มีแกนนำในการทำเกษตรเมล่อน 21 คน ใช้เวลา 5 ปี ในการลองผิดลองถูก จนประสบความสำเร็จเป็นแหล่งผลิตเมล่อนที่ใหญ่และผลิตเมล่อนได้ต่อเนื่อง 1100 – 1200 ตัน/ปี สำหรับเมล่อนพรีเมียม สร้างรายได้ 70 – 100 ล้าน/ปี ทำให้เศรษฐกิจของคนในพื้นที่มีชีวิตที่ดี เมื่อเข้าปีที่ 6 บรรลุวัตถุประสงค์ความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ตั้งเป็นวิสาหกิจชุมชนกลุ่มผู้ปลูกเมล่อนบ้านหนองคาง ปัจจุบันมีสมาชิก 90 ราย เมล่อนของทางกลุ่มเน้นเรื่องคุณภาพ และความซื่อสัตย์ต่อผู้บริโภค การปลูกเมล่อนปลูกในโรงเรือน โดยปลูกในดิน ปลูกไปนาน ๆ ดินจะเสื่อม ทำให้เกษตรกรต้องเปลี่ยนดินแปลงใหญ่ เพิ่มต้นทุนในการผลิต จึงอยากแก้ปัญหา โดยทางอาจารย์ มทร.ธัญบุรี ได้นำเทคโนโลยีการปลูกเมล่อนในกระถางมาถ่ายทอด หวังว่าเทคโนโลยีที่ได้รับการถ่ายทอด เป็นตัวช่วยเสริม เกษตรกรนำมาปรับใช้ในการลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต

อาจารย์ธีระพงษ์ ควรคำนวณ หัวหน้าภาควิชาวิศวกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี (มทร.ธัญบุรี) เล่าว่า การพัฒนาในรูปแบบคลัสเตอร์  ‘เมล่อน’ ในหลักสูตรการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมสำหรับการผลิตและการแปรรูปเมล่อน ยุค 4.0 เนื้อหาทั้งหมดจะเน้นเกี่ยวกับองค์ความรู้เรื่องคลัสเตอร์ กรณีศึกษาการพัฒนาคลัสเตอร์ต้นแบบ บทบาทหน้าที่ผู้ประสานงาน (CDA) กิจกรรมจิตสัมพันธ์สร้างสรรค์ทีม สู่การบูรณาการพัฒนาเชื่อมโยงคลัสเตอร์ และเนื้อหาสำคัญด้านเทคโนโลยีนวัตกรรมที่ใช้กับการผลิตเมล่อน “การปลูกเมล่อนในกระถาง” รวมถึงการทำแผนยุทธศาสตร์ เพื่อการพัฒนาคลัสเตอร์ในปี 2563 โดยการร่วมกันปรึกษา แลกเปลี่ยนประสบการณ์จากทีมคณาจารย์ มทร.ธัญบุรี ภายใต้งานวิจัย นวัตกรรมและเทคโนโลยี ที่จะนำไปสู่การลดต้นทุนการผลิต ก่อให้เกิดการใช้นวัตกรรมใหม่ ๆ การขยายตัวของธุรกิจ ผลผลิตทางการเกษตรมีราคาที่เหมาะสม และผู้ประกอบการสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างยั่งยืนและมีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น โดยมุ่งเน้นให้มีการรวมกลุ่มผู้ประกอบการตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ไปจนถึงปลายน้ำ แบบองค์รวม เพื่อให้เกิดความร่วมมือและเชื่อมโยงอย่างเข้มแข็ง สามารถพึ่งพากันภายในกลุ่ม เพื่อให้เกิดความยั่งยืน

ผศ.ดร.เกียรติศักดิ์ แสงประดิษฐ์ ผู้อำนวยการหน่วยบ่มเพาะวิสาหกิจ มทร.ธัญบุรี เล่าว่า ปีที่ 2 ของคลัสเตอร์เทคโนโลยีเพื่อการเกษตรเมล่อนสุพรรณบุรี โดย 80 % ของกลุ่มเป็นเกษตรกรปลายน้ำ เกษตรกรผู้ประกอบการ ที่มีความต้องการเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการพัฒนาการปลูกเมล่อน เดิมเกษตรกรเมล่อนสุพรรณบุรีปลูกในดิน ซึ่งเมื่อปลูกนาน ๆ ทำให้ดินเสื่อมสภาพ เมื่อเก็บเกี่ยวผลผลิตเสร็จ ต้องพักดิน 1 เดือน ซึ่ง 1 ปี สามารถปลูกและเก็บเกี่ยวเมล่อนได้ 3 ครั้ง ถ้านำเทคโนโลยีการปลูกเมล่อนในกระถาง เกษตรกรไม่ต้องพักดิน นำกระถางใหม่ที่เติมมาใช้ 1 ปี สามารถปลูกและเก็บเกี่ยวเมล่อนได้ 4 – 5 ครั้ง เป็นการลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต นอกจากการนำเทคโนโลยีมาใช้แล้ว จุดประสงค์คือการสร้างธุรกิจเทคโนโลยีผลิตกระถางเมล่อนให้กับกลุ่มเมล่อนสุพรรณบุรี สร้างรายได้ให้กับเกษตรกร เป็นเจ้าของธุรกิจเป็นผู้ประกอบการต่อไป

นายธนาวุฒิ มาสำราญ ผู้ประสานงานคลัสเตอร์เทคโนโลยีเพื่อการเกษตรเมล่อนสุพรรณบุรี และเกษตรกรผู้ปลูกเมล่อนจังหวัดสุพรรณบุรี เล่าว่า ปีที่แล้วได้มีโอกาสเดินทางกับโครงการไปศึกษาดูงานและเผยแพร่การปลูกเมล่อนที่ประเทศกัมพูชา ทำให้เมล่อนสุพรรณบุรีเป็นที่รู้จัก ตลอดจนนำเมล่อนออกบูธตามที่ต่าง ๆ งานประจำจังหวัดสุพรรณบุรี ทำให้เมล่อนของหนองหญ้าไซเป็นที่รู้จัก ไปไหนมาไหนมีแต่คนบอกว่าเมล่อนหนองหญ้าไซอร่อย ได้ยินแล้วประทับใจ การเข้าร่วมโครงการนี้ได้รับความรู้ทางด้านเทคโนโลยี ความรู้ใหม่ ๆ เทคโนโลยีในการคำนวณการให้น้ำและปุ๋ย ซึ่งไม่เคยรู้ว่าเมล่อนที่ปลูกต้องการปุ๋ยจำนวนเท่าไร ได้แต่ใส่ ๆ ลงไป มีเทคโนโลยีมาคำนวณปริมาณปุ๋ย ทำให้ลดต้นทุนในการซื้อปุ๋ย

ชลธิชา ศรีอุบล กองประชาสัมพันธ์ มทร.ธัญบุรี รายงาน

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *