10 สำนวนภาษาอังกฤษน่ารู้ ช่วยให้สื่อสารได้แบบเจ้าของภาษา

 

สำหรับคนที่ต้องการจะสนทนาและใช้ภาษาอังกฤษแบบเจ้าของภาษานั้น นอกจากรูปประโยค แกรมม่า รวมไปถึงคำศัพท์ต่างๆ ที่เราต้องเรียนรู้และจดจำแล้ว สำนวนในภาษาอังกฤษก็เป็นอีกสิ่งที่เราไม่ควรมองข้าม ซึ่งสำนวนภาษาอังกฤษนั้นเป็นกลุ่มคำที่มีความหมายไม่ชัดเจนหากเราแปลมันคำต่อคำ และเป็นสิ่งที่เจ้าของภาษานิยมใช้กันในชีวิตประจำวัน ดังนั้นการเรียนสำนวนภาษาอังกฤษที่ใช้ในชีวิตประจำวันจะช่วยให้คุณเข้าถึงสถานการณ์ต่างๆ ได้ดีขึ้น และใช้ภาษาอังกฤษแบบเจ้าของภาษาได้ดียิ่งขึ้นด้วย วันนี้เราจึงมี 10 สำนวนภาษาอังกฤษน่ารู้และชาวต่างชาติใช้กันบ่อยๆ มาฝากกันค่ะ

 

  1. ring a bell — คุ้นหู เคยได้ยิน

สำนวนนี้อาจคิดมีความหมายว่า ตีระฆังหรือกดกระดิ่ง แต่ความหมายของสำนวนแปลว่า ใครบางคนได้พูดถึงสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่คุ้นหู ซึ่งบางทีเราอาจจะเคยได้ยินมาก่อน หรือพูดอีกนัยคือ ใครพูดถึงบางอย่างที่เราเชื่อว่าเคยได้ยินมาก่อนในอดีต เหมือนกับเสียงกระดิ่งที่ดังขึ้นมาในหัวและเราพยายามคิดว่าเคยได้ยินสิ่งเหล่านั้นจากที่ไหนนั่นเอง

ตัวอย่างประโยคเช่น

I’m not sure, but that name rings a bell. Was she the one who went to Japan last year?

ฉันไม่ค่อยแน่ใจ แต่ชื่อนี้คุ้นหู ว่าใช่คนที่ไปญี่ปุ่นเมื่อปีที่แล้วหรือเปล่า?

 

  1. (to be) under the weather — ไม่สบาย ไม่ปกติ

สำนวนนี้ไม่ใช้การอยู่ใต้สภาพอากาศ แต่หมายถึง หากเรามี feeling under the weather นัั้นหมายความว่า เรามีอาการไม่ปกติ หรือรู้สึกป่วย ความรู้สึกป่วยที่ไม่ได้ป่วยหนักหรือมีอาการสาหัส แต่อาจจะเป็นอาการรู้สึกเหนื่อยจากการเรียนอย่างหนัก หรือปวดหัวจากไข้หวัด เป็นต้น

ตัวอย่างประโยคเช่น

Jane is feeling a little under the weather so be quiet and let her rest.

เจนรู้สึกไม่ค่อยสบายน่ะ อย่าเสียงดังนะ ให้เธอได้พักผ่อน

 

  1. (to) keep your chin up — เข้มแข็งไว้ ร่าเริงไว้

Keep your chin up คือ คำแสดงออกของการให้กำลังใจหรือปลอบใจคนที่มีอารมณ์ไม่ดีหรือเสียใจ ผิดหวัง เพื่อทำให้พวกเขารู้สึกดีขึ้น ซึ่งการพูดว่า keep your chin up นั้น เป็นการบอกให้ร่าเริงหรือเข้มแข็งเข้าไว้ ถึงแม้จะมีสถานการณ์ไม่ดีก็ตาม เพราะคนที่ผิดหวัง เสียใจอยู่อาจมีท่าทางคอตก คางตกลงมา เขาจึงเปรียบสำนวนการให้กำลังใจด้วยการให้เงยหน้า (คาง) ขึ้นไว้

ตัวอย่างประโยคเช่น

Don’t worry, you’ll find something soon, keep your chin up buddy and don’t stress.

ไม่ต้องกังวลไปนะ เดี๋ยวเธอก็หางานได้ในเร็วๆนี้ เข้มแข็งไว้นะเพื่อน อย่าเครียดมาก

 

  1. hit the books — เรียนหนังสือ, อ่านหนังสือ

สำนวนนี้หากแปลตรงตัวอาจแปลว่าตี หรือต่อยหนังสือ แต่จริงๆ แล้วสำนวนนี้เป็นสำนวนที่ใช้กันโดยทั่วไปในกลุ่มนักเรียน นักศึกษา โดยจะความหมายว่า เรียนหนังสือหรืออ่านหนังสือ (อย่างหนัก) โดยสำนวนนี้ยังบอกได้ว่าเรากำลังจะไปเรียน ซึ่งอาจจะเป็นการเรียนเพื่อการสอบปลายภาค กลางภาคได้ทั้งหมดด้วย

ตัวอย่างประโยคเช่น

Sorry but I can’t watch movie with you tonight, I have to hit the books. I have a huge exam next week!

ขอโทษด้วยนะ แต่คืนนี้ฉันคงไปดูหนังเธอไม่ได้ ฉันต้องอ่านหนังสือ เพราะมีสอบใหญ่ในสัปดาห์หน้า

 

  1. (to) hit the sack — เข้านอน

สำนวน hit the books ไม่ได้แปลว่าจะตีถุง แต่เป็นภาษาพูดที่ใช้บ่อยที่หมายความว่า จะเข้านอนแล้ว โดยเราสามารถใช้สำนวนนี้เพื่อบอกเพื่อนหรือครอบครัวว่าเหนื่อยมากๆ จะไปเข้านอนแล้ว นอกจากนี้ แทนที่จะพูดว่า hit the sack ยังสามารถพูดว่า hit the hay ได้เช่นกัน

ตัวอย่างประโยคเช่น

I like to hit the sack around midnight.

ผมชอบเข้านอนราวๆ เที่ยงคืน

 

  1. cut to the chase — พูดประเด็นสำคัญ พูดเข้าเรื่อง

สำนวนนี้หมายถึงการพูดเข้าประเด็นหรือเข้าเรื่องโดยไม่ต้องวกไปวนมา สำนวนนี้มีที่มาจากภาพยนตร์ในสมัยก่อน โดยเฉพาะภาพยนตร์ตลกที่มักจะมีจุดไคลแม็กซ์ของเรื่องอยู่ที่การวิ่งไล่ตาม หรือ chase ในภาษาอังกฤษ โดยที่ก่อนจะถึงซีนนี้ ก็มักจะต้องมีการปูทางของเรื่องหรือมีบทสนทนาเพื่อให้หนังมีความยาว แต่จริงๆ แล้วคนดูหนังก็อยากจะดูเพียงแค่ตอนที่ตลกที่สุดก็คือช่วงที่่ตัวละครวิ่งไล่ตามและวิ่งหนีเท่านั้น จึงเป็นที่มาของสำนวน cut to the chase ซึ่งแปลตรงตัวคือ ตัดไปที่ตอนวิ่งไล่ตาม นั่นก็คือ อย่าอ้อมค้อมวกไปวนมาเข้าเรื่องเลยดีกว่า

ตัวอย่างประโยคเช่น

Let’s just cut to the chase. What do you want from me?

เข้าเรื่องเลยดีกว่า เธออยากได้อะไรจากฉัน

 

  1. (to be) up in the air — ไม่แน่ไม่นอน

Up in the air เป็นสำนวนที่แปลตรงตัวว่า อยู่ในอากาศ เรามักมีความคิดว่ามีอะไรบางอย่างลอยหรือบินอยู่บนท้องฟ้า อาจจะเป็นเครื่องบินหรือลูกโป่ง แต่ถ้าใครบอกคุณว่า things are up in the air มันหมายความว่าสิ่งนั้นไม่แน่นอนหรือไว้วางใจไม่ได้ ยังไม่มีการวางแผนที่แน่นอนนั่นเอง

ตัวอย่างประโยคเช่น

Our plan is still up in the air.

แผนเรายังไม่แน่นอน

 

  1. hold your horses — รอก่อน แป๊บนึง

สำนวน hold your horses  นี้ ไม่ได้หมายถึง จับม้าเอาไว้ แต่เป็นสำนวนภาษาอังกฤษที่หมายถึง  เดี๋ยวก่อน แปบนึงก่อน  (เดี๋ยวแปบนึง ขอทำสิ่งนี้ก่อนนะ) เพราะม้าคือตัวแทนของความเร็ว เค้าเลยเปรียบเปรยว่า ให้จับม้าของคุณเอาไว้ก่อนนั่นเองค่ะ

ตัวอย่างประโยคเช่น

Hold your horses sir, can’t you see that we haven’t finished here?

ใจเย็นๆ ก่อนนะคุณ เห็นหรือเปล่าว่าเรายังทำงานไม่เสร็จเลย?

 

  1. blue in the face — ไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว พูดจนเหนื่อย

สำนวน blue in the face ไม่ได้หมายถึงว่าหน้าสีน้ำเงิน แต่เป็นสำนวนภาษาอังกฤษที่แปลว่า ไม่รู้จะพูดอะไรต่อแล้ว เหมือนเวลาที่พูดอะไรซ้ำๆ เดิมๆ หรือเจอสถานการณ์ที่พูด อธิบายอะไรไป แต่ฝ่ายตรงข้ามไม่ฟัง หรืออาจจะฟังแต่ไม่เกิดปฏิกิริยาตอบกลับ จนทำให้เราเหนื่อยหรือหมดคำที่จะพูดอะไรซ้ำๆ เดิมๆ ต่อไปอีกแล้ว

ตัวอย่างประโยคเช่น

You can tell Peter to wash the car until you’re blue in the face, but he won’t do it.

ต่อให้คุณบอกให้ปีเตอร์ล้างรถจนคุณหมดแรง เขาก็ไม่ลุกขึ้นมาทำหรอก

 

  1. a storm in a teacup — เรื่องเล็กน้อย ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่

สำนวน a storm in a teacup นี้ แปลตรงตัวจะแปลว่า พายุในถ้วยชา แต่ในความหมายของสำนวนนี้จริงๆ หมายถึง เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่ได้สลักสำคัญอะไรเลย การทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่โต ซึ่งสำนวนนี้จะพบใช้ได้บ่อยในหมู่ชาวอังกฤษ และชาวออสเตรเลีย เป็นต้น

ตัวอย่างประโยคเช่น

He’s always making storm in a teacup.

เค้าชอบทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่เสมอ

 

สำนวนต่างๆ ในภาษาอังกฤษเป็นอีกสิ่งที่หากเรารู้เยอะก็ทำให้การสื่อสารในภาษาอังกฤษนั่นเป็นธรรมชาติ และทำให้สามารถเข้าใจสิ่งที่เจ้าของภาษาหรือคนที่เราจะสื่อสารด้วยได้ดีมากขึ้นด้วย ดังนั้นหากใครสนใจก็อย่าลืมนำทั้ง 10 สำนวนนี้ไปลองใช้สื่อสารกับเจ้าของภาษากันดูนะคะ

 

 

 

 

ขอบคุณข้อมูลจาก

https://bestkru.com/blog/30?fbclid=IwAR27uWyfhP89nbTfg1fiveFq6oz_-0iVgjvviIFEAr8ucDj701K60g4fzmI

http://thai.langhub.com/th-en/learn-english-blog/668-cut-to-the-chase

https://lifestyle.campus-star.com

https://www.tistranslation.com/

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *