คณะบริหาร ม.หอการค้าไทยจับมือเอสซีจี ติวเข้มนักศึกษาสร้างธุรกิจยั่งยืน

ธุรกิจอุตสาหกรรมไทยบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด ( มหาชน ) หรือ กลุ่ม  SCG   คนส่วนใหญ่มองเห็นภาพลักษณ์องค์กรสัญชาติไทยแท้ที่ได้รับการยอมรับในเรื่องคุณภาพที่เป็นเลิศ    ซื่อสัตย์ต่อลูกค้า    มีธรรมาภิบาลสูง    ได้รับความเชื่อใจและไว้วางใจสูงจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจนสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างมั่นคง  แข็งแรงยาวนานเกิน   100 ปี   การพัฒนาสู่ความเป็นเลิศในเชิงธุรกิจของ SCG ผ่านมิติทั้ง 3 มิติ คือ มิติด้านสังคม มิติด้านสิ่งแวดล้อม และมิติด้านเศรษฐกิจประสบความสำเร็จอย่างมากมาก แต่ก็ยังไม่ใช่เป้าหมายที่สำคัญที่สุดขององค์กร   เพราะแก่นแท้ของการบริหารจัดการที่SCG  ให้ความสำคัญอย่างแท้จริงนั้น คือ การเป็นองค์กรธุรกิจที่มีความยั่งยืน  ซึ่งองค์กรมีกรอบการพัฒนาสู่ความยั่งยืนที่เป็นรูปธรรม  ครอบคลุมทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม  ภายใต้หลักบรรษัทภิบาลที่ดีเพื่อให้เกิดการดำเนินงานที่สอดคล้องกันในทุกธุรกิจ  พร้อมถ่ายทอดองค์ความรู้การพัฒนาองค์กรธุรกิจให้ความยั่งยืนแก่หน่วยงานต่างๆทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งล่าสุดได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยคณะบริหารธุรกิจ สาขาการตลาด จัดงานเสวนา “การตลาดเพื่อความพัฒนายั่งยืน มาตรฐานใหม่ในโลกยุคปัจจุบัน” เพื่อร่วมสร้างบัณฑิตสู่ภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมบริการ

คุณเฉลิมพล ฮุนพงษ์สิมานนท์ Circular Economy Business Director บริษัท เอสซีจี เคมิคอลล์ จำกัด กล่าวว่า “ในมุมมองของการพัฒนาธุรกิจที่ยั่งยืนนั้น อันดับแรกต้องเชื่อมั่นก่อนว่าถ้าเรารู้สึกหรือเราเชื่อว่าใช่แล้วนั้น จะทำให้เราทุกคนสนใจในเรื่องนี้มากขึ้น ด้วยกระแสหลายอย่างที่เกิดขึ้นบนโลกนั้น สุดท้ายแล้วจำนวนคนเชื่อจะต้องเพิ่มขึ้น คนเราเมื่อเชื่ออะไรอย่างหนึ่งแล้วก็จะลงมือทำในสิ่งนั้นทันทีและสามารถทำสำเร็จ ด้านเศรษฐกิจหมุนเวียน หรือ Circular Economy แก่นหลัก ๆ ของวันนี้ในการถ่ายทอดไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการนำกลับมาใช้ซ้ำ เรื่องของกรอบความคิด และกรณีตัวอย่างที่เกี่ยวกับธุรกิจ เพื่อให้นักศึกษามหาวิทยาลัยหอการค้าไทยได้นำความรู้ตรงนี้ไปปรับใช้และรู้จักวิธีใช้ว่าเราจะใช้อย่างไร และเรื่องการตลาดที่นักศึกษาเรียนด้วยนั้นจะนำตรงนี้ไปปรับใช้ยังไง สุดท้ายแล้วการตลาดไม่มีถูกไม่มีผิดแต่มันขึ้นอยู่กับว่าที่กำลังลงมือทำนั้น จะต้องทำอย่างไร บางคนทำเรื่องเดียวกันแต่ทำคนละเวลามันอาจจะออกมาไม่เหมือนกัน เพราะการตลาดนั้นสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา มีความจำเป็นอย่างมากที่จะต้องทำให้นักศึกษาที่เรียนการตลาดนั้นเห็นกรณีศึกษาเยอะ ๆ เพราะเมื่อออกไปทำงานจริงนักศึกษาจะสามารถนึกภาพออกว่าสิ่งที่เราเจอนั้นเหมือนหรือแตกต่างกับที่เคยเรียนมา นักศึกษาก็จะสามารถแก้ไขปัญหาหรือสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในตอนนั้นได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่ไม่ได้บอกว่าสิ่งที่เรียนรู้ไปทั้งหมดนั้นผลลัพธ์จะออกมาเป็นเหมือนเดิมทุกครั้ง แต่อย่างน้อยเขาจะได้เรียนรู้และหาวิธีนำมาปรับใช้ได้ในอนาคต”

นางสาวพิมลรัติ กลับสังข์ ชั้นปีที่ 4 คณะบริหารธุรกิจ สาขาการตลาด มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เล่าว่าจากการได้เข้าร่วมฟังเสวนาในครั้งนี้ทำให้เรารู้สึกว่าอยากที่จะเรียนรู้ในเรื่องนี้เพิ่มเติมมากขึ้นไปอีกและอยากที่จะเป็นคนที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในเรื่องการพัฒนาธุรกิจให้ยั่งยืน เพื่อที่จะได้นำความรู้ตรงนี้ไปพัฒนาธุรกิจต่าง ๆ ถ้าจะทำให้ธุรกิจอยู่รอดนั้นส่วนตัวมองว่าความยั่งยืนมีส่วนสำคัญมากเช่นกัน ถ้าเรามองในแบบของเก่าทุกคนจะมองข้ามเรื่องนี้ไปเลยเพราะคิดว่าไม่สำคัญ แต่พอได้มาศึกษาจริง ๆ ควรที่จะมองโอกาสด้านความยั่งยืนไม่ว่าจะเป็นในด้านไหนก็ตามล้วนมีส่วนสำคัญช่วยให้ธุรกิจเราเติบโตได้ การนำกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนไปพัฒนาเกี่ยวกับการตลาด ถือเป็นการสร้างโอกาสอะไรที่ใหม่มากและประกอบกับนักศึกษาหลายคนเพิ่งได้เรียนรู้อย่างจริงจัง หลักการกลยุทธ์ความยั่งยืนมีความสำคัญมากที่เด็กการตลาดอย่างเราควรที่จะมีความรู้ในด้านนี้  การเรียนที่มีวิทยากรมาให้ความรู้และประสบการณ์ตรงที่ได้ทำงานมานั้น ทำให้นักศึกษารู้แนวทางการปฏิบัติมากขึ้น สามารถมองเห็นได้มากกว่ามุมมองเพียงแค่ในห้องเรียน จึงทำให้น่าสนใจได้เรียนรู้จริงและลงมือปฏิบัติจริง”

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *