เรียนอย่างไรไม่ให้ตกงาน? เซนต์คาเบรียลจัดแนะแนวนักเรียนเพื่องานที่ใช่และอนาคตที่ชอบ

ปัจจุบันมีข่าวหนาหูว่า ในปีหน้าจำนวนผู้ว่างงานจะสูงขึ้น จากการที่เกิดความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน ส่งผลให้เศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัว รวมถึงประเทศไทยด้วย และยิ่งมีตัวเลขจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ออกมายืนยันว่า ขณะนี้มีจำนวนผู้ว่างงานราว 3.85 แสนคน โดยในจำนวนนี้เป็นผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีถึง 1.73 แสนคน หรือเกือบครึ่งของจำนวนผู้ว่างงานทั้งหมด สภาวการณ์ในปีหน้าจึงดูไม่ใช่เรื่องเกินจริง

อีกสาเหตุที่ทำให้มีคนว่างงานจำนวนมากก็เพราะผู้จบการศึกษาระดับปริญญาตรีส่วนหนึ่ง เลือกเรียนสายการเรียนที่ไม่ตรงกับความต้องการของตลาดงาน เนื่องจากทุกวันนี้ตลาดงานมีความผันผวนมาก จากการที่พฤติกรรมและสภาพความเป็นอยู่ของผู้คนที่เปลี่ยนไป อีกทั้งยังเกิดกระแส Technology Disruption ที่ทำให้เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง รวดเร็ว และบางอาชีพก็ถูกเทคโนโลยีเข้ามาแทนที่ กระทั่งอาชีพนั้นๆ ถึงกับสูญหายไปจากตลาดงานเลยก็มี

สถาบันการศึกษาจึงกลายเป็นส่วนสำคัญในการลดปัญหาการว่างงาน ด้วยการให้ความรู้แก่เด็กเกี่ยวกับทิศทางของตลาดงาน เด็กจะได้เลือกสายการเรียนที่ถูกต้อง ไม่ใช่ว่าเรียนจบมาแล้วไม่มีงานทำ ซึ่งการเลือกเรียนนั้นก็จำเป็นต้องเลือกตั้งแต่ระดับมัธยมศึกษา เพื่อที่เด็กจะได้รู้ตัวตั้งแต่เนิ่นๆ ว่า จริงๆ แล้วตนเองชอบและอยากเรียนอะไร ที่สำคัญคือสิ่งที่ตัวเองชอบนั้นตรงกับตลาดงานหรือไม่

ดังนั้นจะเห็นได้ว่า โรงเรียนระดับมัธยมศึกษาหลายแห่ง ได้เพิ่มแผนการเรียนที่หลากหลายและเฉพาะทางให้เหมาะสมกับความชอบความต้องการของเด็กเป็นรายบุคคลมากขึ้น โดยออกแบบแผนการเรียนให้อยู่บนพื้นฐานของตลาดงานในอนาคต หนึ่งในโรงเรียนดังกล่าวคือ โรงเรียนเซนต์คาเบรียล ที่แต่เดิมแบ่งแผนการเรียนแบบกว้างๆ เหมือนโรงเรียนทั่วๆ ไป คือ วิทย์-คณิต ศิลป์-ภาษา ศิลป์-คำนวณ ก็ได้เพิ่มแผนการเรียนใหม่ๆ เข้ามาให้เด็กเลือกเรียน ได้แก่ วิทย์-สุขภาพ, วิทย์-ประยุกต์, วิทย์-ทั่วไป, วิทย์-อินเตอร์, ศิลป์-คำนวณ, สหวิทยาการสังคมศึกษา และสหศิลป์

และเมื่อไม่นานมานี้ทางโรงเรียนได้ร่วมกับ ผศ.ดร.ลักคณา วรศิลป์ชัย  ผู้เชี่ยวชาญด้านการวางแผนการศึกษาและวางแผนอาชีพ (Education and Career Counselor) จัดกิจกรรมแนะแนวการศึกษาให้แก่นักเรียนระดับมัธยมศึกษาปีที่ 4 กับค่ายค้นหาตนเอง “เลือกแผนการเรียนที่ใช่ สู่อนาคตที่ชอบ” โดยใช้เครื่องมือแบบทดสอบและแนวทางที่ได้มาตรฐานระดับสากลมาเป็นเครื่องมือในการทำให้เด็กค้นพบตัวเอง รวมทั้งเชิญศิษย์เก่าที่ประสบความสำเร็จในสายงานต่างๆ มาเล่าประสบการณ์อาชีพที่น่าสนใจ และเรียนจบไปไม่ตกงานแน่ๆ ให้น้องๆ ฟัง

ภราดาคฑาวุธ สิทธิโชคสกุล รองผู้อำนวยการและหัวหน้าฝ่ายวิชาการ โรงเรียนเซนต์คาเบรียล กล่าวว่า ก่อนที่จะเลือกเรียน เด็กและผู้ปกครองควรปรับเปลี่ยนแนวคิดเสียก่อน  จากเดิมที่เด็กมักตั้งต้นด้วยการเลือกมหาวิทยาลัย จากนั้นค่อยเลือกคณะและสาขาหรือหลักสูตร แล้วจึงวางแผนสอบให้ติด เด็กก็ควรเลือกแบบย้อนกลับ นั่นคือ ต้องดูตลาดงานก่อนว่าเป็นอย่างไร อาชีพใดเป็นที่ต้องการ จากนั้นจึงเลือกสาขาวิชาที่ตัวเองชอบและใช่จริงๆ โดยเลือกสถาบันที่เปิดสอนในสาขานั้นๆ มากกว่าการเลือกเรียนจากชื่อของสถาบัน “นอกจากการเลือกเรียนให้ตรงความต้องการของตลาดงานแล้ว สิ่งสำคัญอีกอย่างคือ เด็กต้องรู้ตัวว่าตนเองชอบหรือไม่ชอบอะไร ซึ่งจำเป็นต้องรู้ตัวตั้งแต่เรียนมัธยม เพราะถ้ารอจนถึงตอนเข้ามหาวิทยาลัย อาจจะช้าไป ดังนั้นโรงเรียนจึงจัดค่ายนี้ขึ้นเพื่อช่วยให้เด็กค้นพบตัวเองและมีอนาคตที่ชัดเจน”

การที่สถาบันการศึกษามีหลักสูตรที่ปลูกฝังคุณลักษณะและความสามารถของนักเรียนให้สอดคล้องกับความต้องการของทั้งนักเรียนและประเทศชาติ นอกจากจะช่วยขจัดปัญหาการว่างงานแล้ว ยังทำให้นักเรียนมีความสุขทั้งในการเรียนและการทำงานในอนาคต

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *